tag:blogger.com,1999:blog-45350652210100180552024-03-13T08:33:48.157+07:00อยาก เปิด ร้าน เบ เก อ รี่อยากเปิดร้านเบเกอรี่ หาข้อมูลเกี่ยวกับการทำร้านเบเกอรี่ เรียนรู้วิธีการkasorhttp://www.blogger.com/profile/00049717054102303778noreply@blogger.comBlogger54125tag:blogger.com,1999:blog-4535065221010018055.post-46829347510025372062013-06-26T10:44:00.000+07:002013-06-26T10:44:04.903+07:00เบเกอรี่สูตร ครีมฮอร์น<b>ส่วนผสม</b><br />
1. แป้งขนมปัง 500 กรัม<br />
2. เนยสด 420 กรัม<br />
3. ไข่แดง 1 ฟอง<br />
4. น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ<br />
5. เกลือ 3/4 ช้อนชา<br />
6. น้ำ 300 กรัม<br />
7. น้ำตาลทรายสำหรับโรยหน้านิดหน่อย<br />
<br />
<b>ส่วนผสมสำหรับทำบัตเตอร์ครีม</b><br />
1. เนยสดรสเค็ม 225 กรัม<br />
2. นมข้นจืด 120 กรัม<br />
3. น้ำตาลไอซิ่ง 150 กรัม<br />
4. วานิลลา 1 ช้อนชา<br />
<br />
<b>วิธีทำ</b><br />
1. ทำไส้บัตเตอร์ครีมก่อน โดยนำส่วนผสมสำหรับทำบัตเตอร์ครีมทั้งหมด มาใส่ในเครื่องตีรวมกันจนขึ้นฟู พักไว้<br />
2. ทำส่วนผสมของฮอร์นโดยนำแป้งขนมปัง แบ่งเนยสดจำนวน 350 กรัม น้ำตาลทราย เกลือนน้ำ และไข่แดงนวดรวมกันจนเนียน พักไว้<br />
3. นำแป้งที่ได้มารีดเป็นแผ่น แล้วห่อด้วยเนยสดส่วนที่เหลือ รีดให้แบน พับทบ 3 ทบ รีดอีกรอบ แล้วทำซ้ำจนครบ 3 รอบ หลังจากนั้น นำแป้งไปใส่ในตู้เย็นช่องธรรมดานาน 2 ชั่วโมง<br />
4. นำแป้งออกจากตู้เย็นเอามารีดให้ได้แผ่นหนา 0.3 เซนติเมตร หั่นเป็นเส้นตามยาวแล้วม้วนในกรวยที่ทาเนยไว้<br />
5. โรยน้ำตาลทรายทับ แล้วนำเข้าเตาอบโดยใช้ความร้อน 180 องศาเซนเซียส นานประมาณ 15 นาที หรือสุก แล้วอาออกมาพักไว้ให้เย็น<br />
6. ใส่ไส้บัตเตอร์ครีม ก็จะได้<a href="http://thaiberkery.blogspot.com/2013/06/blog-post.html" target="_blank">ครีมฮอร์น </a>ตกแต่งใส่จานให้สวยงาม<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj3GCPDGoSqTHaBr4QOpPtQruJrOHOU3dpxSM1um4f-HvV4_SibTOtLb2n5jt7qw7uj0qzHwlANdfCdAd16sJhfjmHNfZK5vq4vhefrd6vOIn_TxHed4-jRgOZaFTWDs9QFMAUsdPnGDw8/s1600/%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A1%E0%B8%AE%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%99.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="189" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj3GCPDGoSqTHaBr4QOpPtQruJrOHOU3dpxSM1um4f-HvV4_SibTOtLb2n5jt7qw7uj0qzHwlANdfCdAd16sJhfjmHNfZK5vq4vhefrd6vOIn_TxHed4-jRgOZaFTWDs9QFMAUsdPnGDw8/s320/%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A1%E0%B8%AE%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%99.jpg" width="320" /></a></div>
<br />
<div>
<br /></div>
kasorhttp://www.blogger.com/profile/00049717054102303778noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4535065221010018055.post-53442251072701310962013-05-29T17:24:00.002+07:002013-05-29T17:24:16.518+07:00เบเกอรี่สูตรม็อกค่าคัพเค้กม็อกค่าคัพเค้กเป็นขนมเบเกอรี่ชนิดหนึ่ง ที่เรียกว่า ม็อกค่า เนื่องจากเป็นการนำโก้โก้และกาแฟมาผสมกัน หน้าขนมที่ได้ไม่ควรแฉะ กลางกลางจะนุ่ม และต้องระวังเรื่องอุณหภูมิที่ใช้ คือ ต้องใช้ให้พอดีตามที่สูตรกำหนด เพราะถ้าใช้ไฟอ่อนเค้กจะแห้งและแข็ง ถ้าใช้ไฟแรง เค้กจะไหม้ก่อนที่จะสุก<br />
<br />
<b>ส่วนผสม</b><br />
มาร์การีนหรือเนย 1/2 ถ้วย<br />
น้ำตาลทรายป่น 1 ถ้วย<br />
ไข่ 1 ฟอง<br />
วานิลลา 1 ช้อนชา<br />
แป้งสาลีอเนกประสงค์ร่อน 1 ครั้ง 1 1/3 ถ้วย<br />
ผงฟู 1 ช้อนชา<br />
เบกกิ้งโซดา 1/2 ช้อนชา<br />
เกลือ 1/4 ช้อนชา<br />
โกโก้ชนิดผงละเอียด 3 ช้อนโต๊ะ<br />
กาแฟผงสำเร็จ 2 ช้อนชา<br />
นม 1/2 ถ้วย<br />
<br />
<b>วิธีทำ<a href="http://thaiberkery.blogspot.com/2013/05/blog-post_29.html" target="_blank">ม็อกค่าคัพเค้ก</a></b><br />
1. ร่อนแป้ง ผงฟู เกลือ เบกกิ้งโซดาเข้าด้วยกัน<br />
2. คนเนยพอนุ่ม จึงใส่น้ำตาลทีละ 2 ช้อนโต๊ะ คนเนยกับน้ำตาลให้เป็นครีมจนหมด ใส่วานิลลา คนให้เข้ากัน<br />
3. ละลายโกโก้และกาแฟด้วยน้ำอุ่น 3 ช้อนโต๊ะ ตักใส่ลงในครีม คนให้เข้ากัน<br />
4. ใส่ไข่ คนให้ทั่ว แล้วจึงใส่แป้งที่เหลือทีละ 3 ช้อนโต๊ะ คนให้แป้งเข้ากับครีม<br />
5. ใส่นมทีละน้อย คนให้เข้ากัน แล้วจึงใส่แป้งสลับกันจนหมด<br />
6. วางกระทงเค้ก กระทงขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 3 นิ้ว ลงในถาดมัฟฟิน<br />
7. ตักขนมใส่กระทง ประมาณ 2/3 ของกระทง<br />
8. อบไฟอุณหภูมิ 375 องศาฟาเรนไฮต์ ใช้เวลาประมาณ 20 นาที หรือจนกว่าขนมจะสุก คือ ขนมหดตัว จึงเอาขนมออกจากเตา<br />
9. เมื่อเอาขนมออกจากเตาประมาณ 5 นาที จึงเอาออกจากพิมพ์<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEig-5poFYvyLcKwWKfchlUEChaimPFXYcJPxEuzl7SMIfjNLwAKdql7CxXNLflPHpypQArmnFMdXrDaqlq2hVfkEnhT53l09RO-ePQ8mnKYEpeBE4M5z2aidbfGHmz034tERZAuTjF6s_g/s1600/%E0%B8%A1%E0%B9%87%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%84%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%B1%E0%B8%9E%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B9%89%E0%B8%81.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="320" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEig-5poFYvyLcKwWKfchlUEChaimPFXYcJPxEuzl7SMIfjNLwAKdql7CxXNLflPHpypQArmnFMdXrDaqlq2hVfkEnhT53l09RO-ePQ8mnKYEpeBE4M5z2aidbfGHmz034tERZAuTjF6s_g/s320/%E0%B8%A1%E0%B9%87%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%84%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%B1%E0%B8%9E%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B9%89%E0%B8%81.jpg" width="269" /></a></div>
<br />
<br />kasorhttp://www.blogger.com/profile/00049717054102303778noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4535065221010018055.post-34729055291153606282013-05-23T12:23:00.003+07:002013-05-23T12:24:22.122+07:00มาเบิ้ลเค้ก (เค้กลายหินอ่อน)<br />
เบเกอรี่สูตรนี้ ขนมที่ได้จะมีลวดลายคล้ายหินอ่อน คือ สีขาว แซมกับสีเข้มๆ ปนกระจายกันไป<br />
<br />
<b>ส่วนผสม</b><br />
เนย 1/2 ถ้วย<br />
น้ำตาลทรายป่น 1 1/4 ถ้วย<br />
แป้งเค้กร่อน 1 ครั้ง 2 1/4 ถ้วย<br />
ผงฟู 3 1/4 ช้อนชา<br />
เกลือ 1/2 ช้อนชา<br />
นม 1 ถ้วย<br />
วานิลลา 1 ช้อนชา<br />
โกโก้ผลงละเอียดชนิดไม่หวาน 2 1/2 ช้อนโต๊ะ<br />
อบเชยป่น 1 ช้อนชา<br />
เบกกิ้งโซดา 1/8 ช้อนชา<br />
ไข่ไก่ ใช้เฉพาะไข่ขาว 3 ฟอง<br />
น้ำอุ่น 2 ช้อนโต๊ะ<br />
<br />
<b>วิธีทำ</b><br />
1. คนเนยให้นุ่ม ใส่น้ำตาลทีละน้อย คนให้เข้ากันจนเป็นครีม และใส่จนน้ำตาลหมด<br />
2. ร่อนแป้ง ผงฟู เกลือเข้าด้วยกัน ใส่แป้งลงในครีมทีละน้อย คือ ครั้งละ 2-3 ช้อนโต๊ะ คนตะล่อมแป้งโดยพลิกแป้งจากข้างล่างมาข้างบนพอแป้งเข้ากับครีม แล้วใส่นมทีละ 2-3 ช้อนโต๊ะ คนด้วยวิธีเดียวกัน<br />
จนนมเข้ากับส่วนผสมดีแล้ว จึงใส่แป้งสลับกัน เช่นนี้จนแป้งและนมหมด ใส่วานิลลา คนให้ทั่ว แบ่งแป้งเป็นสองส่วนเท่าๆ กัน<br />
3. ละลายโกโก้ด้วยน้ำอุ่น 2 ช้อนโต๊ะ ใส่อบเชย เบกกิ้งโซดา คนให้เข้าด้วยกัน ใส่ลงในแป้งที่แบ่งออกมา 1 ส่วน คนพอทั่ว<br />
4. ตีไข่ขาวด้วยไม้ตีไข่ ใส่เกลือ 1/8 ช้อนชา ตีจนไข่ขึ้นฟูและตั้งยอดได้ โดยยกขึ้นดูว่าติดไม้ตีไม่หลุดออกมา (แต่อย่าตีไข่ขาวนาน เพราะไข่จะเป็นเม็ดๆ เมื่อผสมกับแป้งเนื้อจะไม่เนียน เพราะไข่ขาวจะไม่เข้ากับส่วนผสมนั่นเอง) จากนั้นก็แบ่งไข่ออกเป็นสองส่วนใส่ลงในแป้งแต่ละส่วน คนตะล่อมพอเข้ากับแป้ง<br />
5. ปูกระดาษไขบนถาดกลม ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 9 นิ้ว ทาไขมันบางๆ ให้ทั่วถาด ตักแป้งส่วนสีขาวลงในถาด แล้วจึงตักส่วนสีส่วนช็อกโกแลตด้วยช้อน วางทับบนส่วนสีขาวเป็นหย่อมๆ ใช้ด้ามช้อนคนแป้งกลับไปกลับมาสองสามครั้ง เพื่อให้แป้งสีช็อกโกแลตกระจายออก<br />
6. อบไฟ 350 องศาฟาเรนไฮต์ ประมาณ 40 นาที หรือจนกระทั่งขนมสุก แล้วจึงเอาออกจากถาดอบ แซะโดยรอบ แล้วจึงคว่ำพิมพ์เอากระดาษไขออกกลับหน้าขึ้น มาร์เบิ้ลเค้กที่ได้ ควรจะเป็นขนมมีสีแก่สลับกับขาวเป็นตอนๆ คล้ายลายหินอ่อน ตัดขนมเป็นเสี้ยวใช้เสิร์ฟกับ<a href="http://herbal-drinks.blogspot.com/" target="_blank">เครื่องดื่มสมุนไพร</a> หรือ<a href="http://thaismoothy.blogspot.com/" target="_blank">สมูทตี้</a> <a href="http://cha-thai.blogspot.com/" target="_blank">ชา</a> <a href="http://thaicoffeeinfo.blogspot.com/" target="_blank">กาแฟ </a>ตามชอบ<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi5ov1GY-Z47amYR8PYCEgtgA18uHMAkTOIjS3I9FIgSWGU3PFdf3cpGVXY2h0VTh3Dt95R_nLttagpSM7fj2nv0rclOTH9tJdLxb4LJfz-YSml6f93cjxezrEcbc1ZYM2bCyRyRcTN1hQ/s1600/%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B9%89%E0%B8%81%E0%B8%AB%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%99.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="320" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi5ov1GY-Z47amYR8PYCEgtgA18uHMAkTOIjS3I9FIgSWGU3PFdf3cpGVXY2h0VTh3Dt95R_nLttagpSM7fj2nv0rclOTH9tJdLxb4LJfz-YSml6f93cjxezrEcbc1ZYM2bCyRyRcTN1hQ/s320/%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B9%89%E0%B8%81%E0%B8%AB%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%99.jpg" width="281" /></a></div>
<br />
<div>
<br /></div>
kasorhttp://www.blogger.com/profile/00049717054102303778noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4535065221010018055.post-89426795492560368402013-05-20T10:16:00.002+07:002013-05-20T10:16:46.782+07:00สูตรเบเกอรี่ เค้กส้ม<br />
การทำเค้กส้มนั้น ถ้าอยากให้อร่อยจะต้องใช้น้ำส้มคั้นสด เพราะกลิ่นจะหอม รสไม่หวานจัด แต่ถ้าไม่สะดวก ก็สามารถใช้น้ำส้มกระป๋องหรือกล่องก็ได้ แต่อาจจะไม่อร่อยเท่าน้ำส้มสด<br />
<br />
<b>ส่วนผสม</b><br />
1. แป้งสาลีร่อน 1 ครั้ง 2 ถ้วย<br />
2. ผงฟู 1 ช้อนชา<br />
3. เบกกิ้งโซดา 1/2 ช้อนชา<br />
4. เกลือ 1 ช้อนชา<br />
5. เนยหรือมาร์การีน 1/2 ถ้วย<br />
6. น้ำตาลทรายป่น 1 1/2 ถ้วย<br />
7. น้ำส้มคั้น 1 ถ้วย<br />
8. ไข่ 2 ฟอง<br />
<br />
<b>วิธีทำ</b><br />
1.ร่อนส่วนผสมของแป้ง ผงฟู เบกกิ้งโซดา เกลือ ที่ผสมเข้าด้วยกัน 3 ครั้ง<br />
2. คนเนยพอนุ่ม ใส่น้ำตาลทรายจำนวน 2 ช้อนโต๊ะทีละน้อยๆ คนให้เป็นครีมจนหมด ใส่ไข่ทีละฟอง คนพอเข้ากัน ใส่แป้งทีละ 2-3 ช้อนโต๊ะ คนให้เข้ากันโดยวิธีคนพลิกกลับจากบนลงล่าง พอเข้ากันดีแล้ว จึงใส่น้ำส้มคั้นทีละน้อยๆ ประมาณ 2-3 ช้อนโต๊ะ คนในแบบเดียวกัน เมื่อเข้ากันดีแล้วจึงใส่แป้ง ใส่สลับกันเช่นนี้จนแป้งและน้ำส้มหมด<br />
3. ปูกระดาษลอกลายลงในพิมพ์ขนาด 9 X 13 นิ้ว ทาไขมันบางๆ ให้ทั่ว เทขนมใส่ลงในพิมพ์ ใช้ด้ามช้อนคนไปมา 2-3 ครั้ง อบไฟขนาด 250 องศาฟาเรนไฮต์ ประมาณ 30 นาที หรือจนขนมสุก ซึ่งการจะสังเกตว่าขนมสุกนั้น ให้สังเกตที่ขอบขนมที่จะหลุดออกจากพิมพ์ เมื่อสุกแล้ว ก็เทขนมออกจากพิมพ์ ดึงเอากระดาษออกหงายหน้าขึ้นปล่อยให้เย็น แล้วจึงแต่งหน้าให้สวยงาม<br />
<br />
<b>ตัวอย่างการแต่งหน้าด้วยหน้าครีม</b><br />
<b>ส่วนผสมหน้าครีม</b><br />
เนยหรือมาร์การีน 1/2 ถ้วย<br />
น้ำตาลไอซิ่งร่อน 1 ครั้ง 1 1/2 ถ้วย<br />
นมข้นจืด 2 ช้อนโต๊ะ<br />
น้ำมะนาว 2 ช้อนชา<br />
<br />
<b>วิธีทำหน้าเค้ก </b><br />
คนเนยพอนุ่ม ใส่น้ำตาลไอซิ่งทีละน้อย คนพอเข้ากันและเป็นครีม ใส่นมและน้ำมะนาวคนพอทั่ว<br />
<br />
<b>วิธีแต่งหน้า</b><br />
1. กลับเอาขนมเอาส่วนก้นขึ้นเอาหน้าลง<br />
2. ใช้พายยางป้ายหน้าขนมวางลงบนขนม ใช้ spatula เกลี่ยให้หน้าเสมอ หนาบางตามชอบ แล้วจึงใช้มีดจุ่มน้ำแช่น้ำแข็งตัดเป็นแท่งสี่เหลี่ยมขนาด 1 1/2 นิ้ว ก็จะได้<a href="http://thaiberkery.blogspot.com/2013/05/blog-post.html" target="_blank">เค้กส้ม</a>ชิ้นพอดี<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiOBBgqoSf-D9ig57B40wSsSsGj6VFwQyyt9lIZcStvpTuckvp92bat3rRX-GxiE2u1h9ONBjarqvQSvlcv3Rcdq2nNCkcvKUiGQ7TaLga5mZGF67elBGgkSp-N0bsxc6PGcnCw21L4cxI/s1600/%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B9%89%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B9%89%E0%B8%A1%E0%B9%81%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A1.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img alt="สูตรเบเกอรี่ เค้กส้ม" border="0" height="278" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiOBBgqoSf-D9ig57B40wSsSsGj6VFwQyyt9lIZcStvpTuckvp92bat3rRX-GxiE2u1h9ONBjarqvQSvlcv3Rcdq2nNCkcvKUiGQ7TaLga5mZGF67elBGgkSp-N0bsxc6PGcnCw21L4cxI/s320/%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B9%89%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B9%89%E0%B8%A1%E0%B9%81%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A1.jpg" title="สูตรเบเกอรี่ เค้กส้ม" width="320" /></a></div>
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
kasorhttp://www.blogger.com/profile/00049717054102303778noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4535065221010018055.post-59902184264799778332013-04-25T13:12:00.001+07:002013-04-25T13:30:29.026+07:00 คุกกี้เสี่ยงทาย (Fortune Cookies)<br />
คุกกี้เสี่ยงทายเป็นขนม<i>เบเกอรี่</i>ที่ทำไม่ยาก และสนุกตอนรับประทานเนื่องจากจะมีคำทำนายมาให้ลุ้นกันอีกต่างหาก เราสามารถทำไปร่วมตอนงานรื่นเริงต่างๆ เพื่อเพิ่มความตื่นเต้นได้ค่ะ<br />
วิธีทำคุกกี้เสี่ยงทาย<br />
<br />
<b>ส่วนผสมที่ต้องเตรียม</b> สำหรับทำ 6-7 ชิ้น<br />
1. ไข่ขาว 1 ฟอง<br />
2. แป้งสาลีอเนกประสงค์ ¼ ถ้วย<br />
3. น้ำตาลทราย ¼ ถ้วย<br />
4. เนยขาว 1-2 ช้อนโต๊ะ<br />
5. เกลือป่นนิดหน่อย<br />
6. สีผสมอาหารตามชอบ<br />
7. กระดาษสีสำหรับตัดเป็นกระดาษเสี่ยงทาย กว้าง 1 ซม. ยาว 6 ซม. เขียนข้อความเสี่ยงทายตามชอบ<br />
<br />
<b>วิธีทำ</b><br />
1. ร่อนแป้งกับเกลือพักไว้<br />
2. ตีไข่ขาวให้ขึ้นฟอง ใส่แป้งและน้ำตาล ใช้พายตะล่อมให้เข้ากันดี พักไว้ 30 นาที<br />
3. เปิดเตาอบที่อุณหภูมิ 160 องศาเซนเซียส ทาถาดที่จะใช้อบด้วยเนยขาว<br />
4. แบ่งแป้งที่พักได้ที่แล้ว 2-3 ช้อนใส่ชามเล็ก ผสมสีผสมอาหาร คนให้เข้ากัน<br />
5. ตักแป้ง 1 ช้อนโต๊ะพูนๆ เทตรงกลางถามที่เนยขาวไว้ ใช้หลังช้อนละเลงให้เป็นวงรี กว้าง 3 นิ้ว และยาว 5 นิ้ว เวลาละเลงให้กดน้ำหนักให้เสมอ ไม่อย่างนั้นขนมจะพองเป็นจุดๆ ไม่น่ารับประทาน)<br />
6. หยดสีเป็นหยดๆ แล้วใช้ปลายมีดหรือไม้เสียบลูกชิ้น ลากวนไปมาให้เป็นลวดลาย<br />
7. อบขนมทีละชิ้นพอเหลือง (ในขณะที่อบชิ้นหนึ่ง ให้ละเลงอีกชิ้นรอไว้) ปกติขนมจะเหลืองจากขอบ แต่ถ้าไฟไม่เสมอหรือถาดนำความร้อนไม่ดีพอ ขอบจะไหม้ก่อนที่ตรงกลางจะเหลือง ให้ใช้อะลูมิเนียมฟอยล์เจาะเป็นวงรีเล็กกว่าขนาดขนม หุ้มเป็นวงแหวน วางครอบขนมเมื่อขอบเริ่มเหลือง เพื่อกันไม่ให้ขอบร้อนมากและเหลืองจนเกินไป<br />
8. เมื่อขนมเหลือง นำออกจากเตา แล้วอบอีกชิ้นที่ทำเตรียมไว้ รีบใช้ spatula หรือที่แซะขนม แซะขนมออกทันที วางกระดาษเสี่ยงทายไว้ตรงกลาง พับทบครึ่ง แต่ให้ตรงกลางป่อง เม้มขอบให้ชิดกัน แล้วกดตรงกลางของด้านที่เป็นรอยพับเข้าหากัน เป็นรูปโค้ง ให้ฐานเป็นรูปตัววี ทิ้งไว้ให้เย็น เก็บใส่กล่องสูญญากาศ <a href="http://thaiberkery.blogspot.com/2013/04/fortune-cookies.html" target="_blank">คุกกี้เสี่ยงทาย</a>ก็พร้อมรับประทานแล้ว<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEixlycBLhEBTjkRUfUxaftElmtkEO0x21Dl1QFLh9RlCHX0Yuxz_ZDGCqwbTdVSagkBQWAGlyncDpJcJu9YCpKa709_EMoUZasouE_CjVeSvQje6Ad_r-hM9ylLe4Cnx5W6_40fXsLTFwk/s1600/%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%81%E0%B8%81%E0%B8%B5%E0%B9%89%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%A2.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img alt="คุกกี้เสี่ยงทาย" border="0" height="320" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEixlycBLhEBTjkRUfUxaftElmtkEO0x21Dl1QFLh9RlCHX0Yuxz_ZDGCqwbTdVSagkBQWAGlyncDpJcJu9YCpKa709_EMoUZasouE_CjVeSvQje6Ad_r-hM9ylLe4Cnx5W6_40fXsLTFwk/s320/%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%81%E0%B8%81%E0%B8%B5%E0%B9%89%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%A2.jpg" title="" width="316" /></a></div>
<div>
<br /></div>
kasorhttp://www.blogger.com/profile/00049717054102303778noreply@blogger.com1tag:blogger.com,1999:blog-4535065221010018055.post-39634999799801288232013-02-11T16:36:00.000+07:002013-02-11T16:36:03.542+07:00เบเกอรี่สูตร ช็อกโกแลตโรล<br />
ถ้าพูดถึง<i>เบเกอรี่</i>ที่นุ่มๆ หอม อร่อย และเป็นม้วนๆ ใครหลายคนคงนึกถึงครีมโรล แต่ว่าเรามีสูตรเบเกอรี่ที่อร่อยไม่แพ้กัน คือ ใช้ช็อกโกแลตแทนนั่นเอง รสชาติจะอร่อยเข้มข้นขึ้น มาดูส่วนผสมและวิธีทำได้เลยค่ะ<br />
<br />
ส่วนผสม<a href="http://thaiberkery.blogspot.com/2013/02/blog-post.html" target="_blank">ช็อกโกแลตโรล</a><br />
1. โกโก้ชนิดผงละเอียด 2 ช้อนโต๊ะ<br />
2. แป้งสาลีอเนกประสงค์ร่อน 1 ครั้ง 1 ¼ ถ้วย<br />
3. ผงฟู 1 ½ ช้อนชา<br />
4. เกลือ ½ ช้อนชา<br />
5. ไข่ (ให้เลือกไข่ใหม่ ถ้าไข่เก่าน้ำจะมาก เมื่อผสมแล้ว แป้งจะเหลว เมื่ออบขนมจะขึ้นฟูน้อย ไม่น่ารับประทาน) 5 ฟอง <br />
<br />
6. น้ำตาลทรายละเอียด 1 ถ้วย<br />
7. เนยละลาย 3 ช้อนโต๊ะ<br />
8. นมข้นจืด ¼ ถ้วย<br />
9. วานิลลา 2 ช้อนชา<br />
<br />
วิธีทำ<br />
1. ร่อนแป้ง ผงฟู โกโก้ เกลือเข้าด้วยกัน 3 ครั้ง<br />
2. ต่อยไข่ใส่อ่างผสม ใส่น้ำตาลทั้ง 1 ถ้วย ตีให้ขึ้นฟู จะใช้เวลาประมาณ 10 นาที<br />
3. ผสมนมและวานิลลาเข้าด้วยกัน<br />
4. ใส่แป้งทีละน้อยสลับกับนมลงในไข่ที่ตี คนเบาๆ โดยพลิกแป้งจากข้างล่างมาข้างบน พอแป้งเข้ากันส่วนผสม จึงใส่นม คนให้นมเข้ากับแป้ง สลับกันเช่นนี้จนหมด ใส่เนยละลายคนพอเข้ากัน<br />
5. ปูกระดาษไขลงในถาม 11 X 15 นิ้ว ลึก 1 ซม. ให้กระดาษเกินขอบถาด 1 นิ้วโดยรอบ ทาไขมันขาวบางๆ ให้ทั่ว เทขนมลงในถาด อบไฟ 400 องศาฟาเรนไฮต์ ประมาณ 20 นาที หรือจนขนมสุกเกลือ จึงเอาออกจากเตา คว่ำถาดขนม ลงบนผ้าขาวบางที่ปูบนตะแกรง ดึงกระดาษออกตัดขอบแข็งออก ม้วนขนมตามยาวให้แน่น แต่ม้วนเบามือ คลายผ้าที่ม้วนออกหลวมๆ คลุมขนมไว้ปล่อยให้ขนมเย็น จึงคลี่ออกทาครีมหรือแยมแล้วม้วนตามเดิม<br />
ถ้าใช้แยมใช้ ¼ ถ้วย ผสมกับน้ำอุ่น 1 ช้อนโต๊ะทาบางๆ ให้ทั่ว ตัดขนมเป็นชิ้นขนาด ½ นิ้ว จะได้ประมาณ 18 อัน<br />
<br />
ครีม<br />
กาแฟผงสำเร็จ 1 ช้อนชา<br />
เนย ¼ ถ้วย<br />
น้ำตาลไอซิ่งร่อน 1 ครั้ง 1 ถ้วย<br />
น้ำมะนาว 2 ช้อนชา<br />
นม 1 ช้อนโต๊ะ<br />
วานิลลา 1 ช้อนชา<br />
<br />
วิธีทำครีม<br />
คนเนยให้นุ่ม ใส่กาแฟ คนให้ทั่ว ใส่น้ำตาลไอซิ่งทีละน้อย คนให้เข้ากันจนน้ำตาลไอซิ่งหมด ใส่นมคนให้เข้ากัน จึงใส่น้ำมะนาว และวานิลลาคนให้ทั่ว จึงใช้ทาขนม<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjP8DusSy5py9ebk3MnNRwq4c4sgyDIZ2j6Tl81TA6Y9Z5gAjjDPfkCUoP2OVe4HHI9IEGYpCyutDlkJllz0i0R9FfH0duI-QtY8vvTTLhcmSMTUE9N2jCDRMsiS4pciqp7y1HQvppZ8MU/s1600/%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B9%89%E0%B8%81%E0%B8%A1%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B8%8A%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B9%82%E0%B8%81%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%95.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img alt="เบเกอรี่สูตร ช็อกโกแลตโรล" border="0" height="281" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjP8DusSy5py9ebk3MnNRwq4c4sgyDIZ2j6Tl81TA6Y9Z5gAjjDPfkCUoP2OVe4HHI9IEGYpCyutDlkJllz0i0R9FfH0duI-QtY8vvTTLhcmSMTUE9N2jCDRMsiS4pciqp7y1HQvppZ8MU/s320/%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B9%89%E0%B8%81%E0%B8%A1%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B8%8A%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B9%82%E0%B8%81%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%95.jpg" title="เบเกอรี่สูตร ช็อกโกแลตโรล" width="320" /></a></div>
<br />
<div>
<br /></div>
kasorhttp://www.blogger.com/profile/00049717054102303778noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4535065221010018055.post-56400563613939439652012-12-06T09:52:00.002+07:002012-12-06T09:52:52.501+07:00เบเกอรี่สูตรเค้กผลไม้<br />
บางคนที่ทานเค้ก จะไม่ชอบเค้กที่มีหน้าครีม เพราะรู้สึกว่ามันมีครีมเยอะเกินไป การทานเค้กผลไม้แทนก็ทดแทนได้เหมือนกันค่ะ วันนี้จึงขอเสนอการทำเค้กผลไม้เอาไว้ทานกันในครอบครัว แจกเป็นของขวัญปีใหม่ หรือในเทศกาลสำคัญๆ ใช้เป็นเค้กวันเกิดก็ได้เหมือนกันค่ะ <br />
<br />
<b>ส่วนผสมเค้กผลไม้</b><br />
1.ลูกเกดสีดำ 1 ถ้วย<br />
2.ลูกเกดสีเหลือง 1/2 ถ้วย<br />
3.เชอร์รีเชื่อมหั่นชิ้นเล็ก 1/2 ถ้วย (ไม่ควรใช้เชอร์รี่ที่อยู่ในขวดน้ำเชื่อมใส เพระเชอร์รี่แบบนี้สีจะตกและไม่นุ่ม เชอร์รี่เชื่อมเนื้อนุ่มจะมีขายเป็นกิโลกรัมหรือเป็นถุง)<br />
4.มาร์การีนหรือเนย 1/2 ถ้วย<br />
5.แป้งข้าวโพด 2 ช้อนโต๊ะ<br />
6.น้ำตาลทรายป่น 1 ถ้วย<br />
7.น้ำส้มคั้น 1/2 ถ้วย<br />
8.ผงฟู 1 ช้อนโต๊ะ<br />
9.ไข่ 3 ฟอง<br />
10.แป้งสาลีอเนกประสงค์ร่อน 1 ครั้ง 1 1/2 ถ้วย<br />
11.แป้งเค้กร่อน 1 ครั้ง 1 1/4 ถ้วย<br />
12.เกลือ 1/8 ช้อนชา<br />
13.ผิวส้มขูด 1 ช้อนชา<br />
14.เหล้ารัม 1/2 ถ้วย<br />
<br />
<b>วิธีทำ<a href="http://thaiberkery.blogspot.com/2012/12/blog-post.html" target="_blank">เบเกอรี่สูตรเค้กผลไม้</a></b><br />
1. แช่ลูกเกดทั้งสองชนิดด้วยเหล้ารัมค้างคืน เพื่อให้ลูกเกดจะนุ่มและมีกลิ่นหอม จะไม่หลุดออกจากเนื้อเค้ก ตักขึ้นให้สะเด็ดน้ำ<br />
2. คนเนยพอนุ่ม ใส่น้ำตาลทีละน้อย คนจนเป็นครีม ผสมแป้งข้าวโพดกับน้ำส้มคั้นให้เข้ากัน ใส่ลงในครีมทีละน้อย<br />
คนให้เข้ากัน ใส่ไข่ทีละฟอง คนให้เข้ากันกับครีมจนหมด<br />
3. ร่อนแป้งทั้งสองชนิด ผงฟู เกลือ เข้าด้วยกัน ใส่แป้งสลับกับเชอรี่และลูกเกดจนหมด คนให้ทั่ว ใส่ผิวส้ม คนให้เข้ากัน<br />
4. ปูกระดาษไขลงในพิมพ์กลมขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 8 นิ้ว ทาพิมพ์ด้วยเนยขาวให้ทั่ว ตักขนมลงในพิมพ์ อบไฟ 300 องศาฟาเรนไฮต์ ประมาณ 50 นาที<br />
จนขนมสุกเหลืองขอบหลุดออกจากพิมพ์ จึงเอาออกจากเตา ปล่อยไว้ 5 นาทีจึงเอาออกจากพิมพ์ ดึงกระดาษไขออกวางบนตะแกรง พอเย็นห่อด้วยอะลูมินั่มฟอยด์ ไว้ 3 วัน ขนมจะนุ่มและไม่ร่วม ถ้าใช้เร็วขนมจะร่วน<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg3LG7jlUC3en1-O9dfe5N6Plt6mnnngJnyIUPwIS0-ul3EJ37Suz00UhuDdnRE9-bcMwV8iPEvQor4VoXvwxVB62e8qNRVoh4LH3nNJkcUoN_r1wlVE5Hr2Wkpg8ifLC3eYVURNDQZ0k0/s1600/%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B9%89%E0%B8%81%E0%B8%9C%E0%B8%A5%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%89%E0%B8%9B%E0%B8%B5%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B9%88.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img alt="เค้กผลไม้" border="0" height="229" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg3LG7jlUC3en1-O9dfe5N6Plt6mnnngJnyIUPwIS0-ul3EJ37Suz00UhuDdnRE9-bcMwV8iPEvQor4VoXvwxVB62e8qNRVoh4LH3nNJkcUoN_r1wlVE5Hr2Wkpg8ifLC3eYVURNDQZ0k0/s320/%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B9%89%E0%B8%81%E0%B8%9C%E0%B8%A5%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%89%E0%B8%9B%E0%B8%B5%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B9%88.jpg" title="เค้กผลไม้" width="320" /></a></div>
<br />
<br />
<br />
kasorhttp://www.blogger.com/profile/00049717054102303778noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4535065221010018055.post-83059428422174604352012-10-12T20:27:00.002+07:002012-10-12T20:27:53.232+07:00พายรวมมิตร<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgub2pheDlVE00RIb3s95n7FFa72TeqF9SCIz1D4PK_kFVLPqVlEgJmCBQ9OkYxcap_EE1LTVTUghrS8K2_o0ZP4FgpmYZ78i08_94twgB_BldTHubkICu01zQ5nrIoTpHS3Kyp14KpgB4/s1600/CIMG9535.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img alt="พายรวมมิตร เบเกอรี่" border="0" height="320" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgub2pheDlVE00RIb3s95n7FFa72TeqF9SCIz1D4PK_kFVLPqVlEgJmCBQ9OkYxcap_EE1LTVTUghrS8K2_o0ZP4FgpmYZ78i08_94twgB_BldTHubkICu01zQ5nrIoTpHS3Kyp14KpgB4/s320/CIMG9535.jpg" title="พายรวมมิตร เบเกอรี่" width="240" /></a></div>
<div style="text-align: justify;">
พายรวมมิตร เป็นอีกหนึ่งเบเกอรี่ที่รสชาติเค็ม มัน และมีส่วนผสมที่มีความเป็นไทย เช่น เนื้อมะพร้าวอ่อน เนื้อขนุน ข้าวโพดต้ม ถั่วต้มสุก นำมากวนรวมกันเป็นไส้พายให้รสชาติที่หวานหอม อร่อย ควบคู่ไปกับเนื้อพายกรอบแกมนุ่ม รสชาติเข้ากันเป็นที่สุด เหมาะสำหรับเป็นอาหารว่าง หรือถ้าเร่งรีบก็ทานคู่กับเครื่องดื่มอื่นๆ เช่น น้ำปั่น สมูทตี้ ก็ช่วยให้อิ่มท้องได้ไม่ยาก</div>
<br />
<b>ส่วนผสมของพายรวมมิตร</b><br />
<b>ส่วนผสมแป้งพาย</b><br />
1. แป้งสาลีอเนกประสงค์ 150 กรัม<br />
2. น้ำตาลทราย 30 กรัม<br />
3. ผงฟู 1/4 ช้อนชา<br />
4. เกลือป่น 1/8 ช้อนชา<br />
5. เนยสด 3 ช้อนโต๊ะ<br />
6. น้ำเย็นจัด 1/4 ถ้วย<br />
<br />
<b>ส่วนผสมไส้พาย</b><br />
แป้งข้าวโพต 2 1 /2 ถ้วย<br />
น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย<br />
เกลีอป่น 1 /4 ช้อนชา<br />
น้ำ 1/4 ถ้วย<br />
น้ำมะพร้าว 1/2 ถ้วย<br />
เนื้อมะพร้าวอ่อนเป็นหั่นเส้น 1 /4 ถ้วย<br />
ขนุนฉีกเป็นเส้น 2 ช้อนโต๊ะ<br />
เม็ดข้าวโพดต้ม 2 ช้อนโต๊ะ<br />
ถั่วแดงต้มสุก 3 ช้อนโต๊ะ<br />
<br />
<b>วิธีทำ</b><br />
1. ผสมแป้งสาลี เกลือ ผงฟู น้ำตาลเข้าด้วยกัน ใส่เนย เคล้าเบาๆ ให้แป้งจับกับเนยเป็นก้อนเล็กๆ ขนาดเท่าเมล็ดถั่วเขียว แล้วค่อยๆ ใส่น้ำเย็น นวดให้เข้ากันจนแป้งนิ่ม แล้วพักไว้ 30 นาที<br />
2. คลึงแป้งเป็นแผ่นหนาประมาณ ¼ เซนติเมตร ตัดให้ได้ขนาด แล้วนำไปกรุในพิมพ์ที่ทาเนยไว้ ใช้ส้อมจิ้มที่ก้นพิมพ์พอทั่ว นำเข้าเตาอบ อบไฟ 350 องศาฟาเรนไฮต์จนสุกเหลือง เอาออกจากเตาอบ พักไว้<br />
3. ทำไส้พาย โดยผสมแป้งข้าวโพดกับน้ำตาล เกลือ น้ำ น้ำมะพร้าว คนให้น้ำตาลละลาย โดยใช้ไฟกลาง การกวนไส้พายต้องคอยคนตลอดเวลา แป้งข้าวโพดที่เป็นส่วนผสม จึงจะเนียนไม่เป็นลูก เสร็จแล้วก็ใส่เนื้อมะพร้าวอ่อน ขนุน ข้าวโพด ถั่วแดง คนให้เข้ากัน ตักหยอดในแป้งพาย ทิ้งให้เย็น หรือแช่ในตู้เย็น เมื่อจะเสิร์ฟจึงเคาะ<a href="http://thaiberkery.blogspot.com/2012/10/blog-post.html" target="_blank">พายรวมมิตร</a>ออกจากพิมพ์ <br />
<div>
<br /></div>
kasorhttp://www.blogger.com/profile/00049717054102303778noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4535065221010018055.post-1135441187154400602012-09-11T11:23:00.003+07:002012-09-11T11:23:40.580+07:00เบเกอรี่สูตรคัพเค้กกล้วยหอมช็อกโกแลต<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEixlbAHBtkJ6dYOt0WkpUG7n8j1wW3zsReExUunruJtuYTTeYV0wt5Pr1kk5o-DnF6iE6E57_PT8ROciY74XBFBCOvar3Qe0owt9dbkozKpUA_Zc_Siroh0d5jVhNzM-wOx_iAqy3jDHUE/s1600/cupcake.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img alt="คัพเค้ก" border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEixlbAHBtkJ6dYOt0WkpUG7n8j1wW3zsReExUunruJtuYTTeYV0wt5Pr1kk5o-DnF6iE6E57_PT8ROciY74XBFBCOvar3Qe0owt9dbkozKpUA_Zc_Siroh0d5jVhNzM-wOx_iAqy3jDHUE/s1600/cupcake.jpg" title="" /></a></div>
เบเกอรี่สูตรคัพเค้กกล้วยหอมช็อกโกแลตสามารถทำขายหรือทำรับประทานในครอบครัวเป็นของว่างคู่กับเครื่องดื่มร้อนหรือเย็นได้อย่างดี<br />
<br />
<b>ส่วนผสม</b><br />
1. แป้งสาลีอเนกประสงค์ 2 1/8 ถ้วย<br />
2. น้ำตาลทราย 1 ถ้วย<br />
3. เบกกิ้งโซดา 1 1/2 ช้อนชา<br />
4. เกลือป่น 1/4 ช้อนชา<br />
5. กล้วยหอมสุกบดละเอียด 1 1/2 ถ้วย<br />
6. เนยสด 1 ถ้วย<br />
7. ไข่ไก่ 1 ฟอง<br />
8. บัตเตอร์มิลค์ 3 ช้อนโต๊ะ<br />
9. dark chocolate chip 1/2 ถ้วย<br />
<br />
<b>วิธีทำ</b><br />
1. เปิดเตาอบโดยใช้อุณหภูมิที่ 350 องศาฟาเรนไฮต์<br />
2. เตรียมพิมพ์มัฟฟิน 12 ชิ้น<br />
3. ละลายเนยสดเตรียมไว้<br />
4. ร่อนแป้ง น้ำตาลทราย เบกกิ้งโซดาและเกลือป่นเข้าด้วยกัน พักไว้<br />
5.ใช้ตะกร้อมมือตีกล้วยบด เนยละลาย ไข่ไก่ และบัตเตอร์มิลค์จนเข้ากันดี ใส่แป้งแล้วตะล่อมจนส่วนผสมเข้ากัน แล้วใส่ dark chocolate chipคนให้ส่วนผสมเข้ากัน<br />
6. ตักส่วนผสมใส่ลงในพิมพ์แล้วนำเข้าเตาอบนาน 22-25 นาที หรือจนกระทั่งเค้กสุก นำออกจากเตาทิ้งไว้สักพัก แกะออกจากพิมพ์ รับประทานกับน้ำชา กาแฟ หรือเครื่องดื่มอื่นๆ<br />
kasorhttp://www.blogger.com/profile/00049717054102303778noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4535065221010018055.post-5493554975824207022012-08-15T12:14:00.000+07:002012-08-15T12:16:51.434+07:00เบเกอรี่สูตรคัสตาร์ดชิฟฟอนเค้ก <br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjMRKSIaNU0-NB8PeJfYathJMVmvaYj1I02y_dTm3U7l-5ISRt3bS1PdcvVWekUnF71E2UTTkLRKtUVgkf2cZa2XA1tsgru8wjCyCBsGKZrOIElNYmR17-qmIfhWXTN7ZVBDPxfnkHZ39s/s1600/%E0%B8%84%E0%B8%B1%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%94%E0%B8%8A%E0%B8%B4%E0%B8%9F%E0%B8%9F%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B9%89%E0%B8%81.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img alt="คัสตาร์ดชิฟฟอนเค้ก " border="0" height="271" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjMRKSIaNU0-NB8PeJfYathJMVmvaYj1I02y_dTm3U7l-5ISRt3bS1PdcvVWekUnF71E2UTTkLRKtUVgkf2cZa2XA1tsgru8wjCyCBsGKZrOIElNYmR17-qmIfhWXTN7ZVBDPxfnkHZ39s/s320/%E0%B8%84%E0%B8%B1%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%94%E0%B8%8A%E0%B8%B4%E0%B8%9F%E0%B8%9F%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B9%89%E0%B8%81.jpg" title="" width="320" /></a></div>
<br />
เบเกอรี่ชนิดนี้จะแบ่งเป็น 3 ส่วน คือ ส่วนตัวเค้ก ส่วนคัสตาร์ด และน้ำตาลคาราเมล นิยมรับประทานเป็นอาหารว่าง คู่กับชา กาแฟ<br />
<br />
<b>ส่วนผสมน้ำตาลคาราเมล</b><br />
น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย<br />
<b>วิธีทำน้ำตาลคาราเมล</b> คือ เทน้ำตาลลงในพิมพ์เค้กขนาด 10 X 12 นิ้ว ตั้งไฟจนน้ำตาลละลายเป็นสีน้ำตาลอ่อนๆ กลอกให้ทั่วก้นพิมพ์ทิ้งไว้ให้เย็น<br />
<br />
<b>ส่วนผสมของคัสตาร์ด</b><br />
นมข้นจืด 1 1/4 ถ้วย<br />
น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย<br />
ไข่แดง 2 1/2 ฟอง<br />
วานิลลา 2 ช้อนชา<br />
<b>วิธีทำคัสตาร์ด</b><br />
คนไข่แดงกับน้ำตาลเข้าด้วยกัน ใส่นมข้นจืด คนให้เข้ากัน ใส่วานิลลา คนเข้าด้วยกัน กรองด้วยผ้าขาวบางหรีอกระชอนถี่ ๆใส่ลงในพิมพ์ที่ทำน้ำตาลคาราเมล พักไว้<br />
<br />
เค้กสูตรนี้ทำเสร็จไปแล้วสองส่วน เหลือส่วนสุดท้ายคือตัวเค้ก เรามาดูกันว่าส่วนผสมและวิธีการทำมีอะไรบ้าง<br />
<b>ส่วนผสมของตัวเค้ก</b><br />
1. แป้งเค้กร่อน 1ครั้ง 1 1/2 ถ้วย<br />
2.น้ำมันพืช 1/4 ถ้วย<br />
3.น้ำตาลทรายป่น 12 ช้อนโต๊ะ แบ่งออกเป็น 2 ส่วนอย่างละครึ่ง<br />
4.ผงฟู 1 1 /2 ช้อนชา<br />
5.น้ำหรีอน้ำส้มคั้นหรือน้ำชาหรือกาแฟชงชนิดอ่อน 1/2 ถ้วย<br />
6.ไข่แดง 2 1/2 ฟอง<br />
7.ไข่ขาว 5 ฟอง<br />
8.น้ำมะนาว 1 ช้อนชา<br />
<br />
<b>วิธีทำตัวเค้ก</b><br />
1. ร่อนแป้ง และผงฟูเข้าด้วยกัน<br />
2. ตีไข่แดงจนขึ้น ใส่น้ำตาลจำนวน 6 ช้อนโต๊ะทีละน้อยสลับกับใส่น้ำมัน คนให้เข้ากันจนเป็นครีม<br />
3. ผสมแป้งลงในครีมสลับกับน้ำหรือน้ำส้มหรือน้ำชา หรือกาแฟ จนหมด คนเบาๆ พอเข้ากัน<br />
4. ตีไข่ขาวให้ขึ้น ใส่น้ำมะนาว ใส่น้ำตาลส่วนที่ 2 คือ จำนวน 6 ช้อนโต๊ะ ทีละน้อย ตีจนไข่แข็งตั้งยอดได้<br />
5. เทส่วนผสมที่ทำไว้แล้วในข้อ 3 ลงในไข่ขาวในข้อ 4 ค่อยๆ คนเบาๆ ให้เข้ากัน แล้วเทลงในพิมพ์คัสตาร์ด ซึ่งพิมพ์ที่เลือกใช้ต้องใช้พิมพ์หนาก้นเรียบ<br />
6. วางพิมพ์ลึกลงในเตาก่อน แล้วเทน้ำร้อนเดือดจากกาลงในพิมพ์ลึก แล้วค่อยวางพิมพ์เค้กซ้อนลงไป วิธีนี้เพื่อให้ปลอดภัย ต่อจากนั้นก็อบไฟร้อน 350 องศาฟาเรนไฮต์ จนขนมสุก ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 50 นาที จนขนมสุกเหลือง แล้วจึงเอาออกจากเตา วางบนตะแกรงปล่อยไว้ประมาณ 10 นาที ค่อยๆ แซะโดยรอบแล้วคว่ำขนมลงในถาดที่พอดีกับพิมพ์ขนม ต้องระวังมิฉะนั้นอาจจะแตกได้ ตัด<a href="http://thaiberkery.blogspot.com/2012/08/blog-post.html" target="_blank">เบเกอรี่สูตรคัสตาร์ดชิฟฟอนเค้ก</a>ออกเป็นชิ้นๆ เสิร์ฟเป็นอาหารว่าง<br />
<br />kasorhttp://www.blogger.com/profile/00049717054102303778noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4535065221010018055.post-84882359577650911962012-07-10T15:33:00.002+07:002012-07-10T15:33:51.757+07:00เบเกอรี่สูตรไอริช ที เบรค<br />
<span style="background-color: white;"><b>ส่วนผสม</b></span><br />
1. ชาผง 1 ช้อนโต๊ะ<br />
2. น้ำ 1 ถ้วย<br />
3. ผิวส้ม 1/4 ถ้วย<br />
4. เชอร์รี่เชื่อม 1/2 ถ้วย<br />
5. ลูกเกด 1 ถ้วย<br />
6. น้ำตาลสีรำอ่อน ร่อน 1 ครั้ง 1 ถ้วย<br />
7. ไข่ 1ฟอง<br />
8. แป้งเค้กร่อน 1 ครั้ง 1 ถ้วย<br />
9. ผงฟู 2 ช้อนชา<br />
10. เกลือ 1/8 ช้อนชา<br />
12. น้ำผื้ง 1 ช้อนใต๊ะ<br />
<br />
<b>วิธีทำ</b><br />
1.ผสมชากับน้ำ 1 ถ้วยเข้าด้วยกัน ใส่ผิวส้ม เชอร์รี่ ลูกเกด และน้ำตาลสีรำเข้าด้วยกัน ใส่น้ำผึ้ง คนให้ทั่ว ใส่หม้อปิดฝาปล่อยไว้ ตีไข่ให้เข้ากันใส่ลงในผลไม้<br />
2. ร่อนแป้ง ผงฟู เกลือเข้าด้วยกัน ใส่แป้งลงในอ่าง ผลไม้ คนพอเข้ากัน<br />
3. ปูพิมพ์ขนาด 6x8 นิ้ว ด้วยกระดาษลอกลาย ทาไขมันบาง ๆให้ทั่ว ใส่ขนมลงในพิมพ์ อบไฟ 325 องศา<br />
ฟาเรนไฮต์ ประมาณ 40-50 นาที หรือจนกว่าขนมสุกขอบหลุดจากพิมพ์ เอาออกจากเตา ปล่อยไว้ 10 นาที จึงเอาออกจากพิมพ์ เอากระดาษออก ตัดเป็นชิ้นเสิร์ฟ<br />
<br />
เคล็ดไม่ลับ<br />
<b><a href="http://thaiberkery.blogspot.com/2012/07/blog-post_10.html" target="_blank">เบเกอรี่สูตรไอริช ที เบรก</a></b>นั้น เมื่อเค้กสุก ถ้าเอาออกจากพิมพ์ทันที เค้กจะเหี่ยวยุบมาก<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEghkGHTvvBNftWe5o7jh5Xw2tzLYrk-HS9TRhN7R5AOf9PAYNMnfW3PeFgNllZmZXsN1DKHe78v_RgR1EGyyal8Zw5n4-RxNMnHa9yJcK9C_ZO_HSjsc2PryeUPl17qQ6xtscTlATtNpDY/s1600/%E0%B9%84%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%8A+%E0%B8%97%E0%B8%B5+%E0%B9%80%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%84.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img alt="เบเกอรี่สูตรไอริช ที เบรค " border="0" height="314" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEghkGHTvvBNftWe5o7jh5Xw2tzLYrk-HS9TRhN7R5AOf9PAYNMnfW3PeFgNllZmZXsN1DKHe78v_RgR1EGyyal8Zw5n4-RxNMnHa9yJcK9C_ZO_HSjsc2PryeUPl17qQ6xtscTlATtNpDY/s320/%E0%B9%84%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%8A+%E0%B8%97%E0%B8%B5+%E0%B9%80%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%84.jpg" title="" width="320" /></a></div>
<br />
<br />kasorhttp://www.blogger.com/profile/00049717054102303778noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4535065221010018055.post-48574468242851825372012-07-08T20:05:00.003+07:002012-07-08T20:08:04.611+07:00เบเกอรี่สูตรเค้กกาแฟหน้าครีมโมค่าอัลมอนด์<b>ส่วนผสม</b><br />
แป้งเค้กร่อน 1 ครั้ง 2 1/2 ถ้วย<br />
เบกกิ้งโซดา 1/2 ช้อนชา<br />
เกลือ 1 ช้อนชา<br />
กาแฟผงสำเร็จ 1/2 ถ้วย<br />
เกลือ 1 ข้อนชา<br />
น้ำตาลทรายป่น 1/3 ถ้วย<br />
ไข่ (แยกไข่แดง ไข่ขาว) 3 ฟอง<br />
นมเปรี้ยว 1 1/3 ถ้วย<br />
(วิธีทำนมเปรี้ยว นม 1 1/3 ถ้วย ใส่น้ำส้มสายชู 1 1/2 ช้อนโต๊ะ)<br />
วานิลลา 1 ช้อนชา<br />
เนย ¾ ถ้วย<br />
<br />
<b>วิธีทำ</b><br />
1. รอนแป้ง เบกกิ้ง โซดา เกลือ กาแฟเข้าด้วยกัน 3 ครั้ง<br />
2. คนเนยพอนุ่ม ใส่น้ำตาลทีละน้อย (ใช้น้ำตาล1 ถ้วย) คนจนเป็นครีม จนน้ำตาลหมดถ้วย<br />
3.คนไข่แดงกับวานิลลาเข้าด้วยกัน ใส่ลงในครีมคนให้ทั่ว ใส่แป้งลงในส่วนผสมทีละน้อยโดยใส่สลับกับนมเปรี้ยว จนแป้งและนมเปรี้ยวหมด<br />
4. ตีไข่ขาวกับน้ำตาลที่แบ่งไว้ 1/3 ถ้วย ให้ขึ้นฟู ผสม<span style="background-color: white;">ลงในเเป้ง คนตะล่อมเบาๆพอเข้ากัน</span><br />
5. ปูกระดาษลอกลายลงในพิมพ์กลมขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 8 นิ้ว ทาไขมันบางๆให้ทั่วพิมพ์ ตักส่วนผสมใส่ เขี่ยด้วยส้อมให้ทั่วเพื่อไล่อากาศ วางพิมพ์ลงบนถาดตื้น<span style="background-color: white;">อบไฟ 350 องศาฟาเรนไฮต์ ประมาณ 45 นาที หรือ</span><span style="background-color: white;">จนสุกจึงเอาออกจากเตา วางบนตะแกรงปล่อยให้เย็น</span><span style="background-color: white;">เอากระดาษปูพื้นออก แต่งด้วยโมค่าครีมโรยด้วยอัลมอนด์</span><span style="background-color: white;">เคลือบน้ำตาล<a href="http://thaiberkery.blogspot.com/2012/07/blog-post.html" target="_blank"> เบเกอรี่</a>สูตรนี้ก็เสร็จเรียบร้อย </span><br />
<br />
<b>ส่วนผสมโมค่าครีม</b><br />
เนย 1/2 ถ้วย<br />
น้ำตาลไอชิ่งร่อน 1 ครั้ง 1/2 ถ้วย<br />
วานิลลา 1 ช้อนชา<br />
นม 2 ช้อนชา<br />
โกโก้ชนิดผงละเอียด 1 ช้อนชา<br />
กาแฟผงสำเร็จ 2 ช้อนชา<br />
น้ำอุ่น 1 ช้อนชา<br />
<br />
<b>วิธีทำ</b><br />
1.คนเนยให้นุ่ม ใส่น้ำตาลไอซิ่งทีละน้อยให้เข้ากัน<br />
2.ใส่โกโก้ผสมกับกาแฟ (ผสมด้วยน้ำอุ่นก่อน) คนให้เข้ากัน ใส่นมและวานิลลา คนให้ทั่ว แล้วจึงตักครีมป้ายลงบนขนมให้ทั่วอัน โรยด้วยอัลมอนด์เคลือบน้ำตาล<br />
<br />
วิธีเคลือบน้ำตาล<br />
1. นำอัลมอนด์หรือจะเม็ดมะม่วงหิมพานต์ก็ได้ หั่นหยาบๆ 300 กรัม (ถ้าเป็นอัลมอนด์ต้องไปจัดการเอาเยื่อออกให้หมด มิฉะนั้นจะขมและต้องอบก่อนเคลือบ )<br />
2. ใส่น้ำตาลทรายลง 1 ถ้วยในกระทะทอง ตั้งไฟ <span style="background-color: white;">พอน้ำตาลเยิ้มก็ใส่อัลมอนด์หรือเม็ดมะม่วงหิมพานต์ คนพอทั่ว ตั้งไฟต่อจนน้ำตาลไหม้เคลือบติดอัลมอนด์หรือเม็ดมะม่วงหิมพานต์</span><br />
<div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEia41j23eG86QEXKl2mriNtb2Yf8RZ1IpkSyP_X6XrlN0oEz3yga7jvqlwUP0wYkEMODMoeQmeTSn7zsloL9oP6Xj6etiVxGXEvdGYwdamTia-KYh5lRBhITAIRxOmSS9DaWMAMWQuakE0/s1600/%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B9%89%E0%B8%81%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B9%81%E0%B8%9F%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A1%E0%B9%82%E0%B8%A1%E0%B8%84%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%A5%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B9%8C.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img alt="เบเกอรี่สูตรเค้กกาแฟหน้าครีมโมค่าอัลมอนด์" border="0" height="277" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEia41j23eG86QEXKl2mriNtb2Yf8RZ1IpkSyP_X6XrlN0oEz3yga7jvqlwUP0wYkEMODMoeQmeTSn7zsloL9oP6Xj6etiVxGXEvdGYwdamTia-KYh5lRBhITAIRxOmSS9DaWMAMWQuakE0/s320/%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B9%89%E0%B8%81%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B9%81%E0%B8%9F%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A1%E0%B9%82%E0%B8%A1%E0%B8%84%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%A5%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B9%8C.jpg" title="" width="320" /></a></div>
<br /></div>kasorhttp://www.blogger.com/profile/00049717054102303778noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4535065221010018055.post-90195804578480495022012-06-26T13:30:00.001+07:002012-06-26T13:31:26.719+07:00เบเกอรี่สูตรเค้กช็อกโกแลตราดหน้าด้วยช็อกโกแลต<br />
<span style="background-color: white;"><i>เบเกอรี่สูตร</i>นี้มีเคล็ดลับนิดหน่อยคือ ต้องให้เค้กเย็นก่อนจึงราดหน้า ถ้าเค้กร้อน หน้าจะบางและไหลเยิ้มไม่ติด อ่างที่ใส่น้ำเย็นกับอ่างที่ใส่หน้าช็อกโกแลต ต้องได้สัดส่วนกัน ถ้าอ่างใบที่ใส่หน้าช็อกโกแลตเล็กมาก และอ่างใบใส่น้ำเย็นใหญ่เกินไป เมื่อตีจะทำให้ตีไม่สะดวก เพราะอ่างจะแกว่งมาก</span><br />
<br />
<b>ส่วนผสมของเบเกอรี่สูตรเค้กช็อกโกแลตราดหน้าด้วยช็อกโกแลต</b><br />
1. แป้งเค้กร่อน 1 ครั้ง 2 ถ้วย<br />
2. น้ำตาลทรายป่น 1 1/2 ถ้วย<br />
3. เนยหรือมาร์การีน 1/2 ถ้วย<br />
4. เกลือ 1 ช้อนชา<br />
5. โกโก้ 3 ช้อนโต๊ะ<br />
6. นม 2/3 ถ้วย<br />
7. เบกกิ้งโซดา 1 1/2 ช้อนชา<br />
8. ผงฟู 1/2 ช้อนชา<br />
9. ไข่ 3 ฟอง<br />
10. วานิลลา 1ช้อนชา<br />
<br />
<b>วิธีทำเบเกอรี่สูตรเค้กช็อกโกแลตราดหน้าด้วยช็อกโกแลต</b><br />
1. ร่อนแป้ง ผงฟู และเกลือเข้าด้วยกัน<br />
2. คนเนยกับน้ำตาลให้เป็นครีม ใส่ช็อกโกแลต ใส่ไข่ คนให้เข้ากัน ใส่วานิลลา คนจนทั่ว แล้วจึงใส่แป้งสลับกับนมจนหมด<br />
3. ปูพิมพ์วงกลม ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 9 นิ้ว ลึก 1 ½ นิ้ว ด้วยกระดาษลอกลาย ทาไขมันบางๆ ให้ทั่ว เทขนมลง ½ ของพิมพ์ อบด้วยไฟ 350 องศาฟาเรนไฮต์ ประมาณ 35 นาที จนกว่าขนมจะสุก เมื่อสุกแล้ว เอาออกจากเตาวางบนตะแกรง ทิ้งให้เย็น 15 นาที จึงเอาออกจากพิมพ์ แล้วราดด้วยช็อกโกแลต<br />
<br />
<b>ส่วนผสมหน้าช็อกโกแลต </b><br />
น้ำตาลสีรำร่อน 1 ครั้ง 1 ถ้วย<br />
เนย ¼ ถ้วย<br />
โกโก้ชนิดผงละเอียด 3 ½ ช้อนโต๊ะ<br />
วานิลลา 1 ช้อนชา<br />
นมข้นจืด 3 ช้อนโต๊ะ<br />
<br />
<b>วิธีทำ</b><br />
ผสมส่วนผสมทั้งหมดเข้าด้วยกันในหม้อ ตั้งไฟอ่อนพอละลาย เพิ่มไฟตั้งต่อไปจนเดือด คอยคนตลอดเวลา หยุดคน เมื่อมีส่วนผสมเหนียวติดพาย ตั้งต่อไปอีก 3 นาที ยกออกจากเตาปล่อยให้เย็น เทใส่อ่างผสม วางอ่างลงในอ่างน้ำเย็น ตีจนแข็ง โดยยกไม้ตีขึ้น ถ้าหน้าช็อกโกแลตไหลช้าๆ เป็นเส้นใหญ่ๆ ก็ใช้ได้แล้ว<br />
เมื่อราดหน้าด้วยช็อกโกแลตลงบนเค้กก็จะได้<b style="background-color: white;"><a href="http://thaiberkery.blogspot.com/2012/06/blog-post_26.html" target="_blank">เบเกอรี่สูตรเค้กช็อกโกแลตราดหน้าด้วยช็อกโกแลต</a></b><span style="background-color: white;">ที่แสนอร่อย พร้อมรับประทานกับกาแฟ หรือชา ร้อนๆ </span><br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjDXb1Q5aSdjw0DSLYii8K-rMd6Jose50rN1rcskfkLZLKXr0vKM77X4UzkuyDzmy8JPNV3QjMxzT6mSV9d1NrLcTBPSCJyJYfYeCZpNXadLxhRfz2oWqEn2_XZARCZUlHbDkNcHUyGuZM/s1600/%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B9%89%E0%B8%81%E0%B8%8A%E0%B9%8A%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B9%82%E0%B8%81%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B8%8A%E0%B9%8A%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B9%82%E0%B8%81%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%95.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img alt="เบเกอรี่สูตรเค้กช็อกโกแลตราดหน้าด้วยช็อกโกแลต" border="0" height="320" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjDXb1Q5aSdjw0DSLYii8K-rMd6Jose50rN1rcskfkLZLKXr0vKM77X4UzkuyDzmy8JPNV3QjMxzT6mSV9d1NrLcTBPSCJyJYfYeCZpNXadLxhRfz2oWqEn2_XZARCZUlHbDkNcHUyGuZM/s320/%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B9%89%E0%B8%81%E0%B8%8A%E0%B9%8A%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B9%82%E0%B8%81%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B8%8A%E0%B9%8A%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B9%82%E0%B8%81%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%95.jpg" title="" width="244" /></a></div>
<br />
<br />
<div>
<br /></div>kasorhttp://www.blogger.com/profile/00049717054102303778noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4535065221010018055.post-72982101982564424782012-06-18T11:21:00.001+07:002012-06-18T11:22:38.374+07:00เบเกอรี่สูตรเค้กน้ำผึ้ง<br />
<span style="background-color: white;"><i>เบเกอรี่สูตร</i>นี้มีเคล็ดลับนิดหน่อยคือ น้ำผึ้งต้องทำให้คลายความเหนียว โดยวางอ่างน้ำผึ้งลงในอ่าง น้ำร้อน ถ้าไม่คลายความเหนียว จะตีไม่ขึ้นและจะเข้ากับไข่ยาก ไข่ต้องตีให้เข้าด้วยกันก่อน</span><br />
<br />
ส่วนผสมของ<b><i>เบเกอรี่</i></b><br />
น้ำผึ้ง 1 ถ้วย<br />
ไข่ตีจนขึ้น 4 ฟอง<br />
แป้งสาลีอเนกประสงค์ร่อน 1 ครั้ง 1 ¾ ถ้วย<br />
ผงฟู 1 ช้อนชา<br />
<br />
วิธีทำ<b><i><a href="http://thaiberkery.blogspot.com/2012/06/blog-post.html">เบเกอรี่สูตรเค้กน้ำผึ้ง </a></i></b><br />
1.ใส่น้ำผึ้งลงในอ่างใบเล็ก วางอ่างลงในน้ำเดือดคนให้น้ำผึ้งคลายตัวไม่เหนียว<br />
2.ยกออกจากอ่าง ตีให้ฟู ใส่ไข่ตีให้เข้ากัน โดยใส่ไข่ทีละน้อย<br />
3.ร่อนแป้ง ผงฟู เข้าด้วยกัน ใส่ลงในส่วนผสมข้อ 2<br />
4. ปูพิมพ์สี่เหลี่ยม ด้วยกระดาษลอกลาย ทาไขมันบางๆ ให้ทั่ว เทขนมใส่ลงในพิมพ์ อบด้วยไฟ 375 องศาฟาเรนไฮต์ ประมาณ 25นาที จนกว่าขนมจะสุก สังเกตดู โดยใช้ไม้จิ้มตรงกลางขนม ดึงไม้ขึ้น ถ้าไม่ติดไม้เป็นใช้ได้<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgwQX7opBkHJP2HGCfAdUf8gA9yYtXjvxDk5GyDdF1-Uh8lMU2wL8fGIUeqdiYC5LwrDDQeCYMnvZdChi2ODeCs-dJ881sfUpHpFeVumB7VQRS3YtDzC9v-5NrWMUJl3wOvgWgxljtknb8/s1600/%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B9%89%E0%B8%81%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%9C%E0%B8%B6%E0%B9%89%E0%B8%87.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img alt="เบเกอรี่สูตรเค้กน้ำผึ้ง " border="0" height="236" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgwQX7opBkHJP2HGCfAdUf8gA9yYtXjvxDk5GyDdF1-Uh8lMU2wL8fGIUeqdiYC5LwrDDQeCYMnvZdChi2ODeCs-dJ881sfUpHpFeVumB7VQRS3YtDzC9v-5NrWMUJl3wOvgWgxljtknb8/s320/%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B9%89%E0%B8%81%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%9C%E0%B8%B6%E0%B9%89%E0%B8%87.jpg" title="" width="320" /></a></div>
<br />
<br />
<br />
<br />kasorhttp://www.blogger.com/profile/00049717054102303778noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4535065221010018055.post-31522479056763542132012-06-06T14:03:00.000+07:002012-06-06T14:03:49.746+07:00สูตรเบเกอรี่ Coconut Brownie<br />
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgZAcX_IZ53u9SjFv-o3GJGEZwJ5a_3HsXtjU9xlrXdWieblDhpZq64Kwj51MVCPTEF22tK2jQaXAQZ2odnvGyrXg0GpsN9EWwFkGYeUedVfuU9WCzqbaSVlH9C21wvxqKTIuoSrdZInD8/s1600/%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%B0%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A7.jpg" imageanchor="1" style="clear: right; float: right; margin-bottom: 1em; margin-left: 1em;"><img alt="สูตรเบเกอรี่ Coconut Brownie" border="0" height="320" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgZAcX_IZ53u9SjFv-o3GJGEZwJ5a_3HsXtjU9xlrXdWieblDhpZq64Kwj51MVCPTEF22tK2jQaXAQZ2odnvGyrXg0GpsN9EWwFkGYeUedVfuU9WCzqbaSVlH9C21wvxqKTIuoSrdZInD8/s320/%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%B0%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A7.jpg" title="" width="150" /></a>เบเกอรี่สูตรนี้เป็นบราวนี่ที่มีความแปลกใหม่ หวานกรอบกับท๊อปปิ้งมะพร้าว และขมเล็กน้อยด้วยโกโก้อย่างดี<br />
<br />
<b>ส่วนผสมเบเกอรี่สูตร Coconut Brownie</b><br />
แป้งเค้ก 285 กรัม<br />
ผงโกโก้ 40 กรัม<br />
เนยสดชนิดเค็ม 350 กรัม<br />
น้ำตาลทราย 350 กรัม<br />
ไข่ไก่ 290 กรัม<br />
ดาร์กช็อกโกแลต 235 กรัม<br />
เมล็ดมะม่วงหิมพานต์อบสุกบดหยาบ 200 กรัม<br />
วิธีทำ<br />
1.ร่อนแป้งเค้กกับผงโกโก้<br />
2. ตุ๋นดาร์กช็อกโกแลตบนน้ำร้อนจนละลาย ยกลง พักไว้ให้เย็น<br />
3. ตีเนยสดกับน้ำตาลทรายด้วยหัวตีใบไม้จนขึ้นฟูเล็กน้อย ค่อยๆ ใส่ไข่ไก่ทีละฟองจนหมดพอเข้ากัน ใส่ส่วนผสมแป้งที่ร่อนไว้ลงผสมจนเข้ากัน จากนั้นใส่ดาร์กช๊อกโกแลตตุ๋นและเมล็ดมะม่วงหิมพานต์ผสมพอเข้ากัน<br />
4. ตักส่วนผสมที่ได้ใส่พิมพ์ประมาณ 1/4 ของพิมพ์ ตามด้วย cocount topping ระมาณ 1/2 ของพิมพ์ ลงบนเนื้อบราวนี่ นำเข้าอบที่อุณหภูมิ 350 องศาฟาเรนไฮต์ ประมาณ 20-25 นาทีหรือจนสุก<br />
จึงนำออกจากเตาอบ แซะออกจากพิมพ์ พักไว้ให้เย็นสนิท<br />
<br />
<b>ส่วนผสม coconut Topping</b><br />
มะพร้าวอบแห้ง 250 กรัม<br />
น้ำตาลทราย 350 กรัม<br />
ไข่ขาว 200 กรัม<br />
เนยสดชนิดเค็มละลาย 50 กรัม<br />
<br />
<b>วิธีทำ coconut Topping</b><br />
นำมะพร้าวอบแห้งกับน้ำตาลทรายใส่อ่างผสม ยกขึ้นตั้งไฟอ่อนๆ พร้อมใส่เนยสดละลายลงผสม ตามด้วยไข่ขาว คนจนน้ำตาลทรายละลายพักไว้ให้เย็น พออุ่น ๆ ตักใส่พิมพ์ที่รองด้วยเนื้อ<a href="http://thaiberkery.blogspot.com/2012/06/coconut-brownie.html">บราวนี่</a><br />
<div>
<br /></div>kasorhttp://www.blogger.com/profile/00049717054102303778noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4535065221010018055.post-4601032160689324662012-05-08T13:58:00.003+07:002012-05-08T13:58:26.347+07:00เบเกอรี่ สูตรเค้กมะนาว<br />
<table align="center" cellpadding="0" cellspacing="0" class="tr-caption-container" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><tbody>
<tr><td style="text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi_CIgXYzBQHMqcyUFJcD-BjxBnm271bhMg5lbSdPhxEJNvPSsdXXWZuYuyT1U9cNu5nCpG49A3cQpdSCwFewISTYFF_yLiYumozucLzjpAILsrNAwdDmhtHgmPQ9SCLG6MJOtP3UL-07Q/s1600/%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B9%89%E0%B8%81%E0%B8%A1%E0%B8%B0%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A7.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: auto; margin-right: auto;"><img border="0" height="200" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi_CIgXYzBQHMqcyUFJcD-BjxBnm271bhMg5lbSdPhxEJNvPSsdXXWZuYuyT1U9cNu5nCpG49A3cQpdSCwFewISTYFF_yLiYumozucLzjpAILsrNAwdDmhtHgmPQ9SCLG6MJOtP3UL-07Q/s200/%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B9%89%E0%B8%81%E0%B8%A1%E0%B8%B0%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A7.jpg" width="141" /></a></td></tr>
<tr><td class="tr-caption" style="text-align: center;">เค้กมะนาว</td></tr>
</tbody></table>
<br />
<b>เบเกอรี่ สูตรเค้กมะนาว</b>นี้แนะนำให้ใช้มะนาวที่เปลือกสีเขียวและสด เพื่อให้น้ำมะนาวที่ได้มีกลิ่นหอม <br />
<br />
<b>ส่วนผสมเบเกอรี่ เค้กมะนาว</b><br />
ผิวมะนาวขูด 1 ช้อนโต๊ะ<br />
น้ำมะนาว 1 1/2 ช้อนโต๊ะ<br />
เนย 3/4 ถ้วย<br />
น้ำตาลทราย 1 1/4 ถ้วย<br />
ไข่ 3 ฟอง<br />
ผงฟู 2 ช้อนชา<br />
แป้งสาลีอเนกประสงค์ร่อน 1 ครั้ง 2 ถ้วย<br />
แป้งขาวโพด 1 ถ้วย<br />
นม 1/2 ถ้วย<br />
เกลือ 1/2 ช้อนชา<br />
<br />
<b>วิธีทำเบเกอรี่ เค้กมะนาว</b><br />
1. คนเนยให้นุ่ม ใส่น้ำตาลทีละน้อย คนจนเป็นครีมใส่ไข่ คนให้เข้ากัน ใส่น้ำมะนาว คนให้ทั่ว<br />
2. ร่อนแป้งสาลี แป้งข้าวโพด ผงฟู และเกลือเข้าด้วยกัน<br />
3. ใส่แป้งลงในครีมทีละน้อยคนเบาๆ พอทั่วโดยใส่แป้งทีละ 1 ช้อนโต๊ะ แล้วจึงใส่นมทีละ 1 ช้อนโต๊ะ สลับกับแป้งจนหมด จึงใส่ผิวมะนาว คนให้ทั่ว<br />
4. ปูพิมพ์กลมขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 8 นิ้ว ด้วยกระดาษลอกลาย ทาไขมันบางๆ ให้ทั่ว เทขนมใส่ลงในพิมพ์ อบด้วยไฟ 350 องศาฟาเรนไฮต์ ประมาณ 45 นาที จนกว่าขนมจะสุก สังเกตดู ถ้าขอบขนมหลุดจากพิมพ์เป็นใช้ได้ ต่อจากนั้นให้เอาขนมออกจากเตา คว่ำขนมลงบนตะแกรง ดึงกระดาษไขออก วางบนตะแกรงปล่อยให้เย็น พร้อมเสิร์ฟ<br />
<br />
<div>
<br /></div>kasorhttp://www.blogger.com/profile/00049717054102303778noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4535065221010018055.post-28937583661131419382012-04-05T20:23:00.002+07:002012-04-05T20:26:27.115+07:00สูตรเบเกอรี่ เค้กลูกเกด<div style="text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiagjlOAsoufisO8QS2G5HLsC5NYbzludsc1K4dxE5kWwEpvlruHMs-22H2E8UmlPCxyyKTrbMnSAUsiZJHSmzD65Eea92k31xFuFvC1ViBUAmA5LnzGTK496xGRRbmkFLDd9JcB8ffins/s1600/%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%2584%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%25A5%25E0%25B8%25B9%25E0%25B8%2581%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%2594.jpg"><img style="cursor:pointer; cursor:hand;width: 161px; height: 200px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiagjlOAsoufisO8QS2G5HLsC5NYbzludsc1K4dxE5kWwEpvlruHMs-22H2E8UmlPCxyyKTrbMnSAUsiZJHSmzD65Eea92k31xFuFvC1ViBUAmA5LnzGTK496xGRRbmkFLDd9JcB8ffins/s200/%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%2584%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%25A5%25E0%25B8%25B9%25E0%25B8%2581%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%2594.jpg" border="0" alt="เค้กลูกเกด" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5727907310772817522" /></a></div><div><span style="font-family: Georgia, serif; ">เค้กลูกเกดนี้เป็นเบเกอรี่อีกสูตรนึงที่นิยมทาน และสามารถทำขายได้ ซึ่งส่วนผสมและวิธีการทำมีดังต่อไปนี้</span></div><div><span><br /></span></div><div><span><b>ส่วนผสมสูตร<i>เบเกอรี่</i> เค้กลูกเกด</b></span></div><div><span>ลูกเกด 1 ถ้วย</span></div><div><span>น้ำตาลสีรำ ¾ ถ้วย</span></div><div><span>เบกกิ้งโซดา 1 ช้อนชา</span></div><div><span>มาร์การีนหรือเนย ¼ ถ้วย</span></div><div><span>ผิวมะนาวขูด 1 ช้อนชา</span></div><div><span>น้ำต้มเดือด 1 ถ้วย </span></div><div><span>แป้งเค้กร่อน 1 ครั้ง 2 ถ้วย</span></div><div><span>ไข่ 1 ฟอง</span></div><div><span>ลูกจันทน์ป่น ¼ ช้อนชา</span></div><div><span>เม็ดมะม่วงหิมพานต์คั่วหั่นหยาบ ½ ถ้วย</span></div><div><span><br /></span></div><div><span style="font-family: Georgia, serif; "><b>วิธีทำ<i>เบเกอรี่</i> เค้กลูกเกด</b></span></div><div style="text-align: justify;"><span>1. ละลายเนยกับน้ำร้อน น้ำร้อนที่ใช้ละลายเนยนั้นเมื่อยกลงจากเตาให้ใช้ทันที น้ำจึงจะเข้ากันกับเนยได้ดี</span></div><div style="text-align: justify;"><span>แล้วปล่อยให้เย็น ร่อนแป้ง เบกกิ้งโซดา ลูกจันทน์ป่นเข้าด้วยกัน</span></div><div style="text-align: justify;"><span>2. ผสมลูกเกดกับน้ำตาลสีรำเข้าด้วยกัน ใส่เนยละลายคนให้เข้ากัน ใส่ไข่ ใส่เม็ดมะม่วงหิมพานต์ คนให้ทั่ว ใส่ผิวมะนาว คนให้เข้ากัน ใส่แป้งคนตะล่อมให้เข้ากัน</span></div><div style="text-align: justify;"><span>3. ทาพิมพ์ทรงกระบอก(กระป๋องนมผงทรงกระบอกแบบสูง)โดยปูก้นพิมพ์ด้วยกระดาษไขก่อน แล้วจึงทาพิมพ์ให้บางๆ ด้วยเนยขาว ตักขนมใส่ลงในพิมพ์ให้ได้ 2 พิมพ์ อบไฟ 350 องศาฟาเรนไฮต์ ประมาณ 45 นาที จนสุกเหลืองขอบหลุดจากพิมพ์ ปล่อยไว้ 5 นาที จึงเอาออกจากพิมพ์ เมื่อจะเสิร์ฟหั่นเป็นแว่นๆ ใช้เป็นอาหารน้ำชา</span></div><div><span><br /></span></div><div><span> </span></div><div><span><br /></span></div><div><span> </span></div><div style="font-family: Georgia, serif; font-size: 100%; font-style: normal; font-variant: normal; font-weight: normal; line-height: normal; "><br /></div>kasorhttp://www.blogger.com/profile/00049717054102303778noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4535065221010018055.post-64464321557699280072012-03-20T22:25:00.001+07:002012-03-20T22:27:54.242+07:00เค้กหน้าครีมรัมหรือหน้าไอซิ่งเหล้ารัม<div><span style="font-family: Georgia, serif; ">สูตร<i>เบเกอรี่</i> วันนี้เป็นเค้กซึ่งมี 2 หน้าให้เลือกแต่งได้ คือ หน้าครีมรัม หรือหน้าไอซิ่งเหล้ารัม ซึ่งมีเคล็ดลับเล็กน้อย คือ หน้าครีมรัม ต้องใส่เนย หลังจากที่ส่วนผส</span><span style="font-family: Georgia, serif; ">มข้นและต้องยกลงจากเตาแล้ว ถ้าใส่เนยก่อนยกลงจากเตา ส่วนผสมจะเหลวจนเกินไป เพราะเนยจะแยกชั้น และเมื่อผสมทุกอย่างเข้าด้วยกันแล้ว ต้องปิดฝาทิ้งไว้สักครู่ แล้วจึงแช่ตู้เย็นช่องธรรมดาเพื่อให้ส่วนผสมข้น</span></div><div><span><br /></span></div><div><span><b>ส่วนผสมตัวเค้ก</b></span></div><div><span>เนย<span class="Apple-tab-span" style="white-space:pre"> </span>½ ถ้วย</span></div><div><span>น้ำตาลทรายป่น ½ ถ้วย</span></div><div><span>แป้งเค้กร่อน 1 ครั้ง 1 ถ้วย</span></div><div><span>ผงฟู 1 ช้อนชา</span></div><div><span>ไข่ตีให้เข้ากัน 2 ฟอง</span></div><div><span>เกลือ ¼ ช้อนชา</span></div><div><span><b>วิธีทำตัวเค้ก</b></span></div><div><span>1. คนเนยพอนุ่มแล้วใส่น้ำตาลทีละน้อย คน</span><span style="font-family: Georgia, serif; ">จนเป็นครีมใส่ไข่คนพอเข้ากัน ร่อนแป้ง ผงฟู เกลือ เข้าด้วยกัน แล้วใส่ลงในครีมคนเบาๆ พอเข้ากัน</span></div><div><span>2. ปูพิมพ์กลมขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 8 นิ้ว หรือจะใช้พิมพ์ขนมปังก็ได้ ทาไขมันบางๆ ให้ทั่วพิมพ์ ตักขนมใส่พิมพ์ ใช้ด้ามช้อนคนให้ถึงก้นพิมพ์ 2-3 ครั้ง เพื่อไล่อากาศ อบไฟ 350 องศาฟาเรนไฮต์ ประมาณ 20 นาที หรือจนขนมสุกเหลือง ขอบหลุดจากพิมพ์ จึงเอาขนมออกจากเตา เอากระดาษไขออก กลับหน้าขึ้น พอเย็นจึงแต่งหน้า ซึ่งหน้าที่เสนอนั้นมีสองหน้าให้เลือกแต่งได้ตามใจชอบ</span></div><div><span><br /></span></div><div><span><b>หน้าครีมรัม</b></span></div><div><span>ส่วนผสมหน้าครีมรัม</span></div><div><span>น้ำตาลทราย ½ ถ้วย</span></div><div><span>แป้งข้าวโพด 1/2 ถ้วย</span></div><div><span>เกลือ ¼ ช้อนชา</span></div><div><span>เนยนุ่มๆ 1 ช้อนโต๊ะ</span></div><div><span>นม ¾ ถ้วย</span></div><div><span>เหล้ารัม 1 ช้อนโต๊ะ</span></div><div><span>กลิ่นรัม 1 ช้อนชา</span></div><div><span><br /></span></div><div><span><b>วิธีทำหน้าครีมรัม</b></span></div><div><span>ผสมแป้ง น้ำตาล เกลือ นมเข้าด้วยกัน ยกขึ้นตั้งไฟอ่อน คนด้วยพายไม้จนข้นและติดพาย ยกลง ใส่เนยและเหล้ารัมตีให้เข้ากัน ใส่กลิ่นรัม ตีให้เป็นเนื้อเดียวกัน เทออกใส่อ่าง ปิดฝาอย่าให้ถูกอากาศ ทิ้งไว้ให้เย็น (แช่เย็นสักพักพอแข็งตัว) จึงใช้ราดหน้าเค้ก โดยวิธีตักราดใช้พายยางหรือ spatula เกลี่ยหน้าตามชอบ</span></div><div><span><br /></span></div><div><span><b>หน้าไอซิ่งเหล้ารัม</b></span></div><div><span>น้ำตาลไอซิ่งร่อน 1 ครั้ง 3 1/2 ถ้วย</span></div><div><span>เนย 6 ช้อนโต๊ะ</span></div><div><span>น้ำเย็น 2 ช้อนโต๊ะ</span></div><div><br /></div><div><span><b>วิธีทำหน้าไอซิ่งเหล้ารัม</b></span></div><div><span>คนเนยพอนุ่ม ใส่น้ำตาลไอซิ่งทีละน้อย คนจนเข้ากัน เป็นครีม ใส่น้ำเย็นคนให้ทั่ว ใส่เหล้ารัมและกลิ่นรัมคนให้ทั่ว จึงใช้ราดหน้าเค้ก โดยวิธีตักราดใช้พายยางหรือ spatula เกลี่ยหน้าตามชอบ</span></div><div style="text-align: center;"><img src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgIXZNaTbfbnXjFp2fD8fjeMqKo3I87T7LDQaWtGADfTwo2cln-GpSOcVFdu1-xXyW9b_bPgMJssWQYM8Hi8-d6Co5gu9Ut4pCGkH2YW3PxAglsVHfQ9WJmGNbxmYEiMqcxhfIjivO02XU/s200/%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%2584%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%25AB%25E0%25B8%2599%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%2584%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B5%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%25AB%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B7%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%25AB%25E0%25B8%2599%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25B2%25E0%25B9%2584%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%258B%25E0%25B8%25B4%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%2587%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%25AB%25E0%25B8%25A5%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%25A1.jpg" border="0" alt="เค้กหน้าครีมรัมหรือหน้าไอซิ่งเหล้ารัม" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5722001169030800530" style="cursor: pointer; width: 200px; height: 166px; " /></div><div><span><br /></span></div><div style="font-family: Georgia, serif; font-size: 100%; font-style: normal; font-variant: normal; font-weight: normal; line-height: normal; "><br /></div>kasorhttp://www.blogger.com/profile/00049717054102303778noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4535065221010018055.post-4888155043603436952011-10-21T20:10:00.002+07:002011-10-21T20:16:05.344+07:00สิ่งที่ควรพัฒนาทางด้านการตลาดสำหรับธุรกิจเบเกอรี่<div>การทำร้านหรือธุรกิจเบเกอรี่ ไม่ใช่เพียงแค่ผลิตแล้วางขายเท่านั้น แต่ยังต้องคำนึงและปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับด้านการตลาดอีกด้วย ได้แก่</div><div><br /></div><div><b>1. สร้างรูปแบบใหม่ๆ </b></div><div>อย่าจำเจกับขนมและบรรจุภัณฑ์เดิมๆ เพื่อให้ลูกค้าชื่นชอบกับความแปลกใหม่ และความแตกต่าง แม้ว่าสูตรทั่วๆไปของเบเกอรี่จะไม่ต่างกัน</div><div><br /></div><div><b>2. เน้นความสวยงามสำหรับทุกเทศกาล</b></div><div> นอกเหนือจากความอร่อยแล้วความสวยงามของตัวขนมและบรรจุภัณฑ์ยัง เป็นส่วนประกอบสำคัญในการตัดสินใจซื้อของลูกค้า การเลือกซื้อขนมที่มีบรรจุภัณฑ์สวยงามสำหรับมอบให้แก่กันในเทศกาลต่างๆ ชวยเพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจเบเกอรี่โฮมเมดของคุณได้</div><div><br /></div><div><b>3. ระมัดระวังเรื่องคุณภาพของเบเกอรี่ </b></div><div>อายุของเบเกอรี่แต่ละชนิดนั้นมีความสำคัญอย่างมาก ความสดใหม่ของขนมเท่านั้นที่จะทำให้ลูกค้าติดใจและชื่นชอบในสินค้าของเรา การเน้นคุณภาพและมีความซื่อสัตย์ใน</div><div>การทำธุรกิจโดยไม่นำของเก่ามาขายซ้ำจะทำให้ลูกค้าประทับใจเบเกอรี่ของเรา และจะทำให้เรามีลูกค้าประจำ อย่าหวังเพียงแค่การขายให้แกก่ลูกค้าขาจรเท่านั้น</div><div><br /></div><div><b>4. ควบคุมขั้นตอนการผลิต</b></div><div> เพื่อให้เบอเกอรี่ที่ได้มีมาตรฐานเหมือนกัน หากไม่ผ่านการตลาดสอบคุณภาพแล้ว ไม่ควรเสียดาย ควรทิ้งหรือกำจัดให้หมด เพราะถ้าเรานำไปขายก็อาจจะทำให้เสียลูกค้าได้</div><div><br /></div><div><b>5. ตั้งราคาขายที่เหมาะสม</b></div><div> ตั้งให้เหมาะกับต้นทุนการผลิต อย่าหวังกำไรสูงเกินไป ดูให้เหมาะสมพอดีกับจำนวนสินค้า คุณภาพสินค้า</div><div><br /></div><div><b>6. การโฆษณาประชาสัมพันธ์</b></div><div> การที่จะให้สินค้าของเราเป็นที่รู้จักของลูกค้าทั่วไปผ่านทางระบบปากต่อปากอาจจะช้าเกินไป เพราะฉะนั้นจำเป็นต้องอาศัยการประชาสัมพันธ์ โฆษณา ซึ่งมีหลายรูปแบบให้แต่ละคนเลือก เช่น ลงโฆษณากับนิตยสาร บิลด์บอร์ด โบร์ชัวร์ หรืออาจลงผ่านอินเตอร์เน็ตก็ได้ ซึ่งมีทั้งแบบจ่ายรายเดือน รายปี หรือฟรี ซึ่งแล้วแต่ว่าใครจะเลือกแบบไหน ถ้าใครมีความสามารถในการทำเว็บไซต์ก็อาจทำ SEO เองเลยก็ได้ หรือจะจ้างผู้ที่มีความสามารถทำให้เพื่อให้เว็บ<a href="http://thaiberkery.blogspot.com/2011/10/blog-post_21.html">เบเกอรี่</a>ของเราขึ้นอันดับต้นๆ ของการค้นหาในคีย์เวิร์ดที่เราต้องการ</div><div><br /></div>kasorhttp://www.blogger.com/profile/00049717054102303778noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4535065221010018055.post-63766211501656251252011-10-17T07:28:00.004+07:002011-10-17T07:36:19.054+07:00เงินลงทุนโดยประมาณสำหรับธุรกิจเบเกอรี่<div><b>ต้นทุน</b>ที่ใช้ใน<b>สำหรับผู้ที่ต้องการเปิดร้านเบเกอรี่ </b>จำเป็นต้องใช้เพื่อให้ธุรกิจดำเนินไปด้วยดี ซึ่งต้นทุนนั้นจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ 1. ต้นทุนคงที่ 2. ต้นทุนผันแปร</div><div><br /></div><div><b>1. ต้นทุนคงที่</b></div><div>เป็นต้นทุนสำหรับการซื้อเครื่องมือ ซึ่งในกรณีนี้หมายถึง เตาอบ เครื่องผสมแป้งและส่วนผสมอื่นๆ ตลอดจนถึงเครื่องใช้ไม้สอยทั้งหลาย บางชนิดอย่างเช่นเตาอบหรือเครื่องผสมอาหารอาจมีราคาแพง โดยเฉพาะหากเป็นลนค้าเกรดเอหรือแบรนด์ดัง คุณภาพสูงเป็นที่รู้จักกันทั่วไป ก็จะยิ่งมีราคาสูงมากขึ้น คุณภาพก็ดีตามไปด้วย อายุการใช้งานก็จะยาวนานกว่าสินค้าระดับล่างที่เน้นให้ราคาถูกไว้ก่อน แต่อายุการใช้งานก็น้อยตามไปด้วย</div><div><br /></div><div><b>2. ต้นทุนผันแปร</b></div><div>เป็นต้นทุนที่ใช้สำหรับการซื้อวัตถุดิบต่างๆ เช่น แป้ง น้ำตาล เนย เป็นต้น สินค้าเหล่านี้เป็นสินค้าที่ต้องซื้อใหม่อย่างสม่ำเสมอ ต้นทุนสินค้าพวกนี้จะผันแปรไปตามราคาตลาดแต่ถ้าเราซื้อสินค้าในจำนวนมากๆ ก็สามารถต่อรองราคาได้ แต่อย่าลืมว่าถ้าเน้นให้ราคาถูกไว้ก่อน คุณภาพสินค้าก็อาจจะต่ำไปด้วยก็ได้ </div><div><br /></div><div>อย่างไรก็ตาม เรามีราคาประมาณการขั้นต้นมาเพื่อให้ผู้ที่สนใจประกอบธุรกิจเบเกอรี่พิจารณา </div><div>(ราคาเมื่อปี 2551)</div><div><br /></div><div><b>ราคาโดยประมาณกลุ่มวัตถุดิบสำหรับการเปิดร้านเบเกอรี่</b></div><div>แป้งขนมปัง <span class="Apple-tab-span" style="white-space:pre"> </span>1 กิโลกรัม / 35 บาท</div><div>แป้งสาลีอเนกประสงค์ <span class="Apple-tab-span" style="white-space:pre"> </span>1 กิโลกรัม / 32 บาท</div><div>แป้งท้าวยายม่อม <span class="Apple-tab-span" style="white-space:pre"> </span>1 กิโลกรัม /30 บาท</div><div>แป้งเค้ก <span class="Apple-tab-span" style="white-space:pre"> </span>1 กิโลกรัม /45 บาท</div><div>แป้งข้าวโพด <span class="Apple-tab-span" style="white-space:pre"> </span>1 กิโลกรัม / 38 บาท</div><div>แป้งคัสตาร์ด <span class="Apple-tab-span" style="white-space:pre"> </span>300 กรัม / 36 บาท</div><div>น้ำตาลทรายขาว <span class="Apple-tab-span" style="white-space:pre"> </span>1 กิโลกรัม / 23 บาท</div><div>น้ำตาลทรายแดง <span class="Apple-tab-span" style="white-space:pre"> </span>500 กรัม / 23 บาท</div><div>น้ำตาลกรวดแดง <span class="Apple-tab-span" style="white-space:pre"> </span>350 กรัม / 22 บาท</div><div>น้ำตาลกรวดขาว <span class="Apple-tab-span" style="white-space:pre"> </span>500 กรัม / 30 บาท</div><div>น้ำตาลไอซิ่ง <span class="Apple-tab-span" style="white-space:pre"> </span>400 กรัม / 18 บาท</div><div>เกลือ <span class="Apple-tab-span" style="white-space:pre"> </span>500 กรัม / 5 บาท</div><div>น้ำผึ้ง <span class="Apple-tab-span" style="white-space:pre"> </span>565 มิลลิลิตร / 175 บาท</div><div>นมข้นหวาน <span class="Apple-tab-span" style="white-space:pre"> </span>388 กรัม / 20 บาท</div><div>นมข้นจืด <span class="Apple-tab-span" style="white-space:pre"> </span>405 กรัม / 22 บาท</div><div>นมสด <span class="Apple-tab-span" style="white-space:pre"> </span>2 ลิตร / 80 บาท</div><div>นมผง <span class="Apple-tab-span" style="white-space:pre"> </span>1200 กรัม / 245 บาท</div><div>นมเปรี้ยว <span class="Apple-tab-span" style="white-space:pre"> </span>800 มิลลิลิตร / 40 บาท</div><div>เนยสด (ทั้งชนิดเค็มและจืด) <span class="Apple-tab-span" style="white-space:pre"> </span>227 กรัม / 75 บาท</div><div>มาร์การีน <span class="Apple-tab-span" style="white-space:pre"> </span>2 กิโลกรัม / 224 กรัม</div><div>วิปปิ้งครีม <span class="Apple-tab-span" style="white-space:pre"> </span>946 มิลลิลิตร / 130 บาท</div><div>โยเกิร์ต <span class="Apple-tab-span" style="white-space:pre"> </span>150 กรัม / 50 บาท</div><div>ครีมชีส <span class="Apple-tab-span" style="white-space:pre"> </span>250 กรัม / 105 บาท</div><div>ไข์ใก่ <span class="Apple-tab-span" style="white-space:pre"> </span>20 ฟอง / 75 บาท</div><div>ไข่เป็ด <span class="Apple-tab-span" style="white-space:pre"> </span>6 ฟอง /35 บาท</div><div>ไข่เค็ม (เฉพาะไข่แดง) <span class="Apple-tab-span" style="white-space:pre"> </span>12 ฟอง / 25 บาท</div><div>หมูหย็อง <span class="Apple-tab-span" style="white-space:pre"> </span>390 กรัม / 185 บาท</div><div>ไส้กรอก (แบบสั้น) <span class="Apple-tab-span" style="white-space:pre"> </span>15 บาท/ 1 ขีด </div><div><span class="Apple-tab-span" style="white-space:pre"> </span>(แบบยาว) <span class="Apple-tab-span" style="white-space:pre"> </span>20 บาท /1 ขีด</div><div>ช็อกโกแลตแท่ง <span class="Apple-tab-span" style="white-space:pre"> </span>113 กรัม / 88 บาท</div><div>ช็อกโกแลตชิป <span class="Apple-tab-span" style="white-space:pre"> </span>340 กรัม/ 190 บาท</div><div>ช็อกโกแลตท็อปปิ้ง <span class="Apple-tab-span" style="white-space:pre"> </span>340 กรัม / 77 บาท</div><div>สตรอว์เบอร์รี่ท็อปปิ้ง <span class="Apple-tab-span" style="white-space:pre"> </span>580 กรัม / 65 บาท</div><div>โกโก้ผง <span class="Apple-tab-span" style="white-space:pre"> </span>500 กรัม / 103 บาท</div><div>ครีมออฟทาร์ทาร์ <span class="Apple-tab-span" style="white-space:pre"> </span>50 กรัม / 37 บาท</div><div>อัลมอนต์ <span class="Apple-tab-span" style="white-space:pre"> </span>150 กรัม / 90 บาท</div><div>ลูกเกด <span class="Apple-tab-span" style="white-space:pre"> </span>1 กิโลกรัม / 90 บาท</div><div>มะม่วงหิมพานต์ <span class="Apple-tab-span" style="white-space:pre"> </span>500 กรัม 190 บาท</div><div>ถั่วเขียว <span class="Apple-tab-span" style="white-space:pre"> </span>1 กิโลกรัม / 40 บาท</div><div>ถั่วแดง <span class="Apple-tab-span" style="white-space:pre"> </span>1 กิโลกรัม / 50 บาท</div><div>กะทิสำเร็จรูป <span class="Apple-tab-span" style="white-space:pre"> </span>1 กิโลกรัม / 40 บาท</div><div>กล้วยตาก <span class="Apple-tab-span" style="white-space:pre"> </span>270 กรัม / 40 บาท</div><div>เจลาติน (แบบแผนและผง) <span class="Apple-tab-span" style="white-space:pre"> </span>22 กรัม / 42 บาท</div><div>ผงฟู <span class="Apple-tab-span" style="white-space:pre"> </span>400 กรัม / 44 บาท</div><div>ยีสต์ (แท่ง) <span class="Apple-tab-span" style="white-space:pre"> </span>34 กรัม / 32 บาท</div><div> (ผง) <span class="Apple-tab-span" style="white-space:pre"> </span>500 กรัม / 163 บาท</div><div>น้ำพริกเผา <span class="Apple-tab-span" style="white-space:pre"> </span>465 กรัม / 90 บาท</div><div>สารแต่งกลิ่นและสี <span class="Apple-tab-span" style="white-space:pre"> </span>15 บาท / 30 มิลลิลิตร</div><div><br /></div><div><br /></div><div><b>ราคาโดยประมาณกลุ่มเครื่องมือและอุปกรณ์สำหรับการเปิดร้านเบอเกอรี่</b></div><div>เครื่องผสมแป้ง <span class="Apple-tab-span" style="white-space:pre"> </span>17,000 บาท / เครื่อง</div><div>เตาอบ (ขนาดกลาง 2 ชั้น) <span class="Apple-tab-span" style="white-space:pre"> </span>20,000 บาท / เครื่อง</div><div>(ขนาดเล็ก 1 ชั้น) <span class="Apple-tab-span" style="white-space:pre"> </span>2,500 บาท / เครื่อง</div><div>(ขนาดเล็ก 2 ชั้น) <span class="Apple-tab-span" style="white-space:pre"> </span>3500 บาท/เครื่อง</div><div>ถ้วยตวงของแห้ง (อะลูมิเนียม) <span class="Apple-tab-span" style="white-space:pre"> </span>160 บาท/ชุด (พลาสติก) 15 บาท 1 ชุด</div><div>ถ้วยตวงน้ำ (แก้ว) <span class="Apple-tab-span" style="white-space:pre"> </span>ความจุ 250 มิลลิลิตร / 380 บาท </div><div> (พลาสติก) <span class="Apple-tab-span" style="white-space:pre"> </span>ความจุ 300 มิลลิลิตร /60 บาท</div><div>ช้อนตวง <span class="Apple-tab-span" style="white-space:pre"> </span>25 บาท / ชุด</div><div>ตราชั่ง <span class="Apple-tab-span" style="white-space:pre"> </span>450 บาท / เครื่อง</div><div>เทอร์โมมิเตอร์ <span class="Apple-tab-span" style="white-space:pre"> </span>120 บาท / แท่ง</div><div>พายไม้ <span class="Apple-tab-span" style="white-space:pre"> </span>60 บาท / อัน</div><div>พายพลาสติก <span class="Apple-tab-span" style="white-space:pre"> </span>25 บาท / อัน</div><div>เครื่องตีไข่ <span class="Apple-tab-span" style="white-space:pre"> </span>70 บาท/อัน</div><div>ที่ร่อนแป้ง กว้าง 21 ซม. <span class="Apple-tab-span" style="white-space:pre"> </span>215 บาท/อัน</div><div>ไม้คลึงแป้ง ยาว 9 นิ้ว <span class="Apple-tab-span" style="white-space:pre"> </span>90 บาท/อัน</div><div>ผ้าขาวบาง ขนาด 50*58 ซม. <span class="Apple-tab-span" style="white-space:pre"> </span>19 บาท/ผืน</div><div>อ่างผสมแป้ง ขนาด 36 ซม. <span class="Apple-tab-span" style="white-space:pre"> </span>95 บาท/ใบ</div><div>ตะแกรงพักอาหารทอด <span class="Apple-tab-span" style="white-space:pre"> </span> <span class="Apple-tab-span" style="white-space:pre"> </span>90 บาท/อัน</div><div>ที่ตัดเนย <span class="Apple-tab-span" style="white-space:pre"> </span>80 บาท/อัน</div><div>ลูกกลิ้งตัดแป้ง <span class="Apple-tab-span" style="white-space:pre"> </span>55 บาท/อัน</div><div>มีดฟันเลื่อย <span class="Apple-tab-span" style="white-space:pre"> </span>100 บาท/เล่ม</div><div>แปรงทาเนย <span class="Apple-tab-span" style="white-space:pre"> </span>85 บาท/ด้าม</div><div>ที่ตักเค้ก <span class="Apple-tab-span" style="white-space:pre"> </span>90 บาท/อัน</div><div>ที่ปาดหน้าเค้ก <span class="Apple-tab-span" style="white-space:pre"> </span>60 บาท/อัน</div><div>กระดาษฟรอยด์ ขนาด 12*25 ฟุต <span class="Apple-tab-span" style="white-space:pre"> </span>49บาท/ม้วน</div><div>ฟิล์มใส ขนาด 30*30 ซม. <span class="Apple-tab-span" style="white-space:pre"> </span>49 บาท/อัน</div><div>พิมพ์คุกกี้ แบบกด <span class="Apple-tab-span" style="white-space:pre"> </span>60 บาท/ 2 พิมพ์</div><div>พิมพ์เค้ก ความจุ 1 ปอนด์ <span class="Apple-tab-span" style="white-space:pre"> </span>90 บาท /พิมพ์</div><div>หลอดแต่งหน้าเค้ก <span class="Apple-tab-span" style="white-space:pre"> </span>100 บาท/หลอด</div><div><br /></div><div><b>ประมาณการต้นทุนคงที่ (ส่วนของอุปกรณ์เครื่องมือโดยประมาณ)</b></div><div>เครื่องผสมแป้ง <span class="Apple-tab-span" style="white-space:pre"> </span>17,000 บาท</div><div>เตาอบ<span class="Apple-tab-span" style="white-space:pre"> </span>20,000 บาท</div><div>อุปกรณ์อื่นๆ ประมาณ <span class="Apple-tab-span" style="white-space:pre"> </span>2,000 บาท</div><div>รวม <span class="Apple-tab-span" style="white-space:pre"> </span>39,000 บาท</div><div>คิดโดยประมาณ = <span class="Apple-tab-span" style="white-space:pre"> </span>40,000 บาท</div><div><br /></div><div>สำหรับ<a href="http://thaiberkery.blogspot.com/2011/10/blog-post_17.html">ต้นทุน</a>วัตถุดิบนั้น สามารถคิดแยกส่วนตามแต่ชนิดเบเกอรี่ที่จะเลือกผลิต ซึ่งก็แล้วแต่บุคคลว่าจะผลิตขนมอะไรออกมาขาย ซึ่งจะต้องศึกษาตลาดผู้บริโภคให้ดีเสียก่อน ดังที่ได้กล่าวมาในบทความอื่นๆ ที่แล้วมา</div><div><br /></div><div><br /></div><div><br /></div><div><br /></div><div><br /></div><div><br /></div><div><br /></div><div> </div><div><br /></div><div><br /></div>kasorhttp://www.blogger.com/profile/00049717054102303778noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4535065221010018055.post-70893321322351058362011-10-13T12:11:00.002+07:002011-10-13T12:16:37.976+07:00การเตรียมความพร้อมก่อนลงทุนในธุรกิจเบเกอรี่<div style="text-align: justify;">ก่อนที่จะลงทุนในธุรกิจใดๆ ก็จำเป็นต้องมีการเตรียมตัวให้พร้อมกั่น ซึ่งธุรกิจเบเกอรี่โฮมเมดก็ไม่ต่างกัน จำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้ลงทุนต้องพิจารณาถึงความพร้อมก่อนการลงทุน ซึ่งได้แก่</div><div style="text-align: justify;"><b>1. เงินทุน</b></div><div style="text-align: justify;"><span class="Apple-tab-span" style="white-space:pre"> </span>สำคัญเป็นอันดับหนึ่งก็เพราะเงินลงทุนคือปัจจัยหลักที่จะช่วยให้การเตรียมวัสดุอุปกรณ์ก่อนการผลิตเบเกอรี่เป็นไปด้วยดี จำนวนเงินลงทุนย่อมแตกต่างกันไปตามรูปแบบของธุรกิจว่าต้องการให้ออกมาในลักษณะใด ซึ่งก็ต้องวิเคราะห์และพิจารณาตามกำลังของตัวอง เพราะด้วยทั่วไปแล้วการลงทุนในขั้นแรกจะเน้นหนักไปที่วัสดุปกรณ์ ซึ่งถือว่าเป็นต้นทุนคงที่ และจะให้ผลตอบแทนกลับมาภายในเวลาไม่นาน ดังนั้นควรเลือกใช้อุปกรณ์ที่คุณภาพดี มีการรับประกัน แม้จะราคาสูงแต่มั่นใจได้ถึงคุณภาพ</div><div style="text-align: justify;">ส่วนต้นทุนอีกอย่างทีเรียกกันว่าต้นทุนแปรผันแปร เช่น ค่าเช่าพื้นที่ ค่าขนส่ง หรือค่าใช้จ่ายที่เปลี่ยนแปลงได้ ถือว่าเหล่านี้เป็นเงินทุนที่ผู้ลงทุนเองต้องเตรียมไว้ล่วงหน้า เพื่อให้สามารถเงินลงทุนสามารถหมุนเวียนได้อย่างไม่ติดขัด</div><div style="text-align: justify;"><br /></div><div style="text-align: justify;"><b>2. ความรู้ความเชี่ยวชาญ</b></div><div style="text-align: justify;"> จำเป็นสำหรับผู้ที่ต้องการเริ่มต้นธุรกิจเบเกอรี่โฮมเมดมาก เพราะควรเรียนรู้ถึงใอุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้และวัตถุดิบทุกอย่างสำหรับการทำเบเกอรี่ ควรเรียนรู้ว่าแป้งมีกี่ชนิด น้ำตาลหรือวัตถุดิบตัวอึ่นๆ มีคุณสมบัติอย่างไรใช้เป็นส่วนผสมในเบเกอรี่แต่ละชนิดเพื่ออะไร นอกจากนี้ยังต้องฝึกฝนและเชี่ยวชาญในการทำ เบเกอรี่มากพอที่จะควบคุมคุณภาพและรสชาติได้ เพื่อให้ขนมที่ผลิตมีคุณภาพและรสชาติที่เหมือนกัน</div><div style="text-align: justify;"><br /></div><div style="text-align: justify;"> ปัจจุบันนี้ มีโรงเรียนสอนทำเบเกอรีมากมาย เราสามารถเลือกเรียนได้ ได้ตามต้องการ ทั้งยังสามารถเลือกเฉพาะวิชาที่สนใจได้ ซึ่งส่วนใหญ่แม้เขาเรียนเพียงคอร์สเดียวก็สามารถนำมาปรับใช้และทำขายได้ทันที รวมทั้งการเรียนรู้สูตรและวิธีการทำจากเพื่อนฝูงหรือญาติพี่น้อง ก็ถือเป็นเรื่องที่ดีที่จะไม่ต้องเลยค่าใช้จ่ายในการเข้าเรียนกับโรงเรียนสอนทำเบเกอรี่ต่างๆ</div><div style="text-align: justify;"><br /></div><div style="text-align: justify;"><b>3. ศึกษาตลาดและคู่แข่ง</b></div><div style="text-align: justify;"> ผู้ผลิตควรศึกษาถึงสภาวะการตลาดเพื่อการทำความเข้าใจในการดำเนินธุรกิจของเรา ควรศึกษาว่ากาตลาดเบเกอรี่ในช่วงนั้นๆ เป็นอย่างไร มีกลุ่มคู่แข่งจำนวนประมาณกี่ราย และแต่ละรายมีข้อเด่นข้อด้อยอะไรบ้าง และเราต้องหาจุดแข็งของเรา และปรับกลยุทธ์เพื่อให้สู้กับคู่แข่งให้ได้ การ มองหา ร้านค้าสำหรับฝากขายมีความสำคัญมากในการที่จะช่วยให้ธุรกิจของเราก้าวไปข้างหน้าหรือจะถอยหลัง ร้านที่เห็นควรให้ความสนใจคือร้านที่อยู่ในย่านชุมชน มีทำเลดี มีที่จอดรถสำหรับลูกค้าไว้พร้อม มีการเคลื่อนไหวของจำนวนลูกค้าและหมุนเวียนสินค้าตลอดทั้งวัน และทางร้านมีแนวโน้มที่จะช่วยนำเสนอสินค้าของเรา เพื่อไม่ให้สินค้าของเราถูกกักไว้เพื่อรอส่งกลับคืนอย่างเดียว </div><div style="text-align: justify;"><br /></div><div style="text-align: justify;"><b>4. หาแหล่งวัตถุดิบที่เหมาะสมทั้งเรื่องราคาและคุณภาพ</b></div><div style="text-align: justify;"> การซื้อวัตถุดิบสำหรับเฉพาะการทำ<a href="http://thaiberkery.blogspot.com/2011/10/blog-post_13.html"><i>เบเกอรี่</i> </a>ย่อมทำให้ได้วัตถุดิบที่มีราคาถูกกว่าซื้อตามห้างสรรพสินค้าทั่วไป และก็ยังคงได้อุปกรณ์ในการทำ<i>เบเกอรี่</i>อย่างครบถ้วน</div><div style="text-align: justify;"><br /></div><div style="text-align: justify;"><br /></div>kasorhttp://www.blogger.com/profile/00049717054102303778noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4535065221010018055.post-19323401358691398842011-10-09T09:10:00.002+07:002011-10-09T09:12:59.654+07:00รูปแบบของการทำธุรกิจเบเกอรี่<div>ในบทความนี้เราจะพูดถึงรูปแบบของการทำธุรกิจเบเกอรี่ที่เหมาะสมกับตัวเอง ซึ่งเป็นรูปแบบที่เราเลือกเองโดยวิเคราะห์ถึงวิธีการ ลักษณะ และความพร้อมของตัวเอง</div><div>โดยรวมแล้ว รูปแบบของเบเกอรี่โฮมเมดที่เห็นอยู่ทั่วไปในปัจจุบันมีดังนี้</div><div><b>1. มีหน้าร้านเป็นของตัวเอง</b></div><div>คำว่า “หน้าร้าน” ในที่นี้ ด้วยรูปแบบของเบเกอรี่โฮมเมดแล้ว อาจไม่ได้หมาย</div><div>ความถึงร้านบเกอรี่ขนาดใหญ่ แตเป็นร้านค้าอะไรก็ได้ที่ผู้ประกอบการอาจมีอยู่แล้ว เช่น ร้านค้า ร้านอาหาร ร้านยา </div><div><br /></div><div>รูปแบบของการทำธุรกิจเช่นนี้ถือว่าเป็นโอกาสที่ดี เพราะเราสามารถขายสินค้าได้เต็มราคาไม่ต้องโดนหักส่วนแบ่งเหมือนการนำไปฝากขาย สามารถผลิตขนมได้ตามความต้องการและวางขายได้เป็นจำนวน ตามที่จะมีความสามารถผลิตได้ แต่ต้องเลือกพื้นที่ขายให้โดดเด่ดชัดเจน ไม่ขวางทางแต่ต้องสะดุดตา และการเลือกบรรจุภัณฑ์ที่สวยงามก็เป็นเรื่องที่ควรเอาใจใส่ด้วย</div><div> </div><div><b> 2. การฝากขาย</b></div><div>การขายแบบนี้แทบไม่ต้องมีหน้าร้านเป็นของตัวเอง เพราะในรูปแบบ “ฝากขาย” ก็คือการนำสินค้าไปฝากไว้กับร้านค้าอื่นๆ เพื่อให้ขายแทนเรา โดยมีการแบ่งปันผลประโยชน์กันตามที่ตกลงกัน หรือที่เรียกว่าการแบ่งเปอร์เซ็นต์นั่นเอง</div><div> การฝากขายนั้น ในระยะเริ่มต้นผู้ประกอบการต้องให้ความเอาใจใส่ที่ค่อนข้างมากในการสำรวจพื้นที่หรือร้านค้าต่างๆ ที่เราเห็นว่าเหมาะสมที่จะรับฝากขายสินค้าของเรา เช่น ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านขายเครื่องดื่ม ร้านไอศกรีม ร้านสะดวกซื้อ หรือร้านอาหารอื่นๆ ภายในสถาบันการศึกษา โรงพยาบาล สถานที่ราชการต่างๆ ข้อดีคือ เราไม่ต้องบริหารร้าน แต่ทำหน้าที่ผลิตอย่างเดียว</div><div>ในกรณีที่เราพบร้านเป้าหมายแล้ว การเข้าไปเจรจาพูดคัยเพื่อตกลงทำธุรกิจเป็นสิ่งที่ต้องทำทันที แต่ก่อนอื่น เราต้องมั่นใจว่าสินค้าของเรานั้นพร้อมทุกด้าน ทั้งเรื่องรสชาติ บรรจุภัณฑ์ ชื่อสินค้า ราคา และกำลังการผลิตที่้ต้องตอบสนองความต้องการจากลูกค้าได้ทันที ส่วนเรื่องราคาส่งนั้น ต้องบวกกำไร ต้นทุนต่างๆ ให้เรียบร้อย และร้านก็จะรับไปตั้งราคาขายอีกทอดหนึ่ง ซึ่งเค้าจะบวกกำไรต่างหาก แต่เราอย่าลืมเจรจาราคาที่จะขายให้กับลูกค้าจริงๆ เพื่อไม่ให้ขนมนั้นมีราคาแพงเกินไป ซึ่งจะส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อของลูกค้า</div><div><br /></div><div><b>3. ทำตามสั่ง</b></div><div>การผลิตเบเกอรีตามสั่งหรือตามออร์เดอร์ที่ลูกค้าต้องการก็เป็นอีกรูปแบบหนึ่งของธุรกิจเบเกอรี่โฮมเมดที่พบมาก ลักษณะนี้จะเกิดขึ้นหลังจากที่สินค้าของเราเป็นที่รู้จักแล้ว จึงมียอดการส่งซื้อเข้ามา ส่วนใหญ่มักผลิตส่งตามร้านกาแฟ หรืองานจัดเลี้ยง งานประชุมสัมมนาต่างๆ ข้อดีของธุรกิจฟูแบบนี้คีอ ไม่มีของเหลือ ไม่ต้องรับสินค้ากลับคืน เพราะส่วนใหญ่เป็นในลักษณะขายขาดแเละทำตามปริมาณที่สั่ง แต่ข้อเสียคือ หากสินค้าไม่ดีจริง ไม่อร่อย ไร้คุณภาพ ยอดการสั่งซื้อย่อมลดลง และอาจจะไม่มีการสั่งซื้ออีกเลย</div><div> </div><div> </div><div> เมื่อเราทราบแล้วว่า<a href="http://thaiberkery.blogspot.com/2011/10/blog-post.html">รูปแบบของธุรกิจการทำเบเกอรี่</a>มีอะไรบ้าง เราก็เลือกที่เหมาะสมกับตัวเองเพื่อให้ผลประกอบการออกมาดีที่สุด</div><div><br /></div>kasorhttp://www.blogger.com/profile/00049717054102303778noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4535065221010018055.post-35393656623449089782011-09-16T12:11:00.002+07:002011-09-16T12:14:36.829+07:00ตลาดเบเกอรี่จากการที่นับวันผู้ที่ประกอบอาชีพทำเบเกอรี่จะมีมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งธุรกิจขนาดใหญ่ เล็ก ซึ่งเราจะแยกประเภทตลาดเบเกอรี่ได้ดังนี้<br />1. <span style="font-weight:bold;">ตลาดเบเกอรี่ระดับบน</span> มักเป็นเบเกอรี่ที่มีราคาแพง มักขายในห้างสรรพสินค้า เน้นความสวยงามของสินค้าและบรรจุภัณฑ์ เป็นสินค้ามียี่ห้อ กลุ่มเป้าหมายมักเป็น นักเรียน นักศึกษา คนทำงาน คนที่ชอบเดินตามห้าง ราคาเบเกอรี่มักจะแพง ราคาอยู่ที่ 30-60 บาท สินค้าที่อยู่ในตลาดระดับบน ส่วนมากมั้กมีช่องทางการจำหน่ายเป็นหลักแหล่ง นอกจากห้างแล้ว ยังมักมีช๊อปเป็นของตนเอง ลูกค้าเมื่อต้องการสินค้าก็จะเดินเข้าไปซื้อเอง ด้านการประชาสัมพันธ์ ไม่จำเป็นต้องประชาสัมพันธ์มากเพราะว่าผ่านขั้นตอนการสร้างแบรนด์จนเป็นที่รู้จักแล้ว แต่สิ่งที่ตลาดระดับบนมักทำ อาจจะเป็นการจัดโปรโมชั่นต่างๆ ตามวาระเพื่อกระตุ้นยอดขาย<br />2. <b>ตลาดเบเกอรี่ระดับกลาง</b> ราคาอาจถูกลงจนเหมาะกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่ชอบรับประทานเบเกอรี่แต่ไม่ได้มีกำลังซื้อมากนัก คุณภาพก็ไม่ได้ด้อยกว่า เพียงแต่อาจไม่ได้เน้นวางขายในพื้นที่ของห้างหรือเน้นความสวยงามหรูหรามากเท่าเบเกอรี่ในตลาดระดับบน มักกระจายสินค้าไปตามพื้นที่อื่นๆ รวมทั้งในร้านอาหาร ร้านกาแฟ ราคาขายอยู่ที่ประมาณ 20 - 40 บาทด้วยศักยภาพและปริมาณการซื้อของกลุ่มเป้าหมายที่กระจายอยู่ทั่วไป จึงทำให้ช่องทางการกระจายสินค้าสามารถทำได้อย่างครอบคลุมแเละหลากหลายมากขึ้น เช่น ฝากขายตามร้านของฝากของที่ระลึก ร้านเครื่องดื่ม มินิมาร์ต หรือหากต้องการขยายช่องทางเพิ่ม<br />ขึ้นผู้ผลิตเองอาจมองหากลุ่มลูกค้าประเภทรับจัดเลี้ยง โรงแรมด้วยก็ได้ โดยอาจเข้าไปเสนอตัวอย่างสินค้าในฐานะซัปพลายเออร์ด้านขนม ก็เป็นอีกช่องทางหนึ่งที่หากเริ่มต้นได้ ลักษณะพฤติกรรมของผู้บริโภคในตลาดระดับนี้ คือ ชอบขนมอร่อย ราคาไม่แพงเกินไป ดังนั้นหากคุณสามารถทำขนมให้มีรสชาติอร่อยถูกปากได้แล้ว กลุ่มลูกค้าก็เกิดขึ้นได้ไม่ยากเช่นกัน<br />3. <b>ตลาดเบเกอรี่ระดับล่าง</b> สำหรับเบเกอรี่ที่จัดอยู่ในระดับล่างมักไม่ได้เน้นตราสินค้า บางรายอาจเพียงแค่ใส่ขนมลงในถุงพลาสติกแล้วติดป้ายราคาไว้เท่านั้น หรือก็มีบ้างสำหรับตราสินค้าและเบอร์โทรศัพท์ที่แนบไว้ มักวางขายทั่วไปตั้งแต่ในร้านขายของชำไปจนกระทั่งร้านค้าเล็กๆ ตามท่ารถโดยสาร ราคาไม่แพงเพราะอาจใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพ ด้อยลงมาเล็กน้อย โดยทั่วไปราคาจะอยู่ที่ประมาณ 10 - 30 บาทลักษณะการซื้อขายของสินค้าในตลาดนี้อยู่ที่การเน้นขายจำนวนครั้งละมากๆ มีประเภทของขนมให้เลือกไม่มากนัก เนื่องจากข้อจำกัดเรื่องต้นทุนสินค้า ดังนั้นแนวทางการจึงไม่ได้เน้นที่ความหวือหวานหรือสวยงามของรูปร่างหน้าตา หรือความแปลกใหม่ แต่สุดท้ายแล้วผู้ที่คิดจะอยู่ในตลาดนี้ ควรมุ่งเน้นสร้างความพอใจในเชิงปริมาณ และราคาการต่อรองไปยังกลุ่มลูกค้าที่คิดไว้ เช่น ร้านขายส่งทั่วไปkasorhttp://www.blogger.com/profile/00049717054102303778noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4535065221010018055.post-73677806963032033872011-09-12T07:00:00.002+07:002011-09-12T07:03:14.387+07:00เบเกอรี่สูตรเค้กกาแฟ<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi6Aexsg75UKPipM1Jy2lR1IJRtXREdhH_KGrxfciUlBTOcpYxfNtCOHVv7bShEAWfJrRePukTpqXe9GUNHnRkC8A5_Mpc0J7S3sMHt8ngfdFDfoOyPgSmOf6_MikxmkiZdLHFxAlxpBME/s1600/%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%2584%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%25B2%25E0%25B9%2581%25E0%25B8%259F.jpg" onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}"><img style="float:right; margin:0 0 10px 10px;cursor:pointer; cursor:hand;width: 182px; height: 200px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi6Aexsg75UKPipM1Jy2lR1IJRtXREdhH_KGrxfciUlBTOcpYxfNtCOHVv7bShEAWfJrRePukTpqXe9GUNHnRkC8A5_Mpc0J7S3sMHt8ngfdFDfoOyPgSmOf6_MikxmkiZdLHFxAlxpBME/s200/%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%2584%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%25B2%25E0%25B9%2581%25E0%25B8%259F.jpg" border="0" alt="เบเกอรี่สูตรเค้กกาแฟ" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5651256668079176018" /></a><br /><div><b>เบเกอรี่</b>สูตรนี้ ต้องใช้นมเปรี้ยว เค้กจึงจะนุ่มและขึ้นฟู</div><div><br /></div><div>ส่วนผสม<b>เบเกอรี่</b>สูตรเค้กกาแฟ</div><div>เนย 1/2 ถ้วย</div><div>น้ำตาลทรายป่น 1/3 ถ้วย</div><div>ไข่ (แยกไข่ขาว ไข่แดง) 3 ฟอง</div><div>วานิลลา1 ช้อนขา</div><div>แป้งเค้กร่อน1 ครั้ง 2 ½ ถ้วย</div><div>เบกกิ้งโซดา 1 /2 ช้อนชา</div><div>เกลีอ1 ช้อนชา</div><div>กาแฟผงละเอียด 1/4 ถ้วย</div><div>นมเปรี้ยว 1 1/3 ถ้วย</div><div>(นม 1 1/3 ถ้วย ใส่น้ำส้มสายชู 1 ½ ช้อนโต๊ะ)</div><div><br /></div><div>วิธีทำ<a href="http://thaiberkery.blogspot.com/2011/09/blog-post.html"><b>เบเกอรี่</b>สูตรเค้กกาแฟ</a></div><div>1. คนเนยกับน้ำตาลป่น 1 ถ้วยจนเป็นครีม</div><div>2. คนไข่แดงกับวานิลลาเข้าด้วยกันใส่ลงในครีม คนให้เข้ากัน </div><div>3. ร่อนแป้ง เบกกิ้งใซดา เกลือ กาแฟ เข้าด้วยกัน 3 ครั้ง ผสมแป้งลงในครีมสลับกับนมเปรี้ยวจนหมด</div><div>4. ตีไข่ขาวกับน้ำตาล 1/3 ถ้วย เข้าด้วยกันจนขึ้นฟูผสมลงในแป้ง คนเบา ๆ พอเข้ากัน</div><div>5. ปูกระดาษไขลงในพิมพ์กลมขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง</div><div>8 นิ้ว ทาไขมันบาง ๆให้ทั่วพิมพ์ ใส่ส่วนผสม อบไฟ 350 องศาฟาเรนไฮต์ ประมาณ 45 นาที หรือจนสุก</div><div> </div><div><br /></div><div><br /></div>kasorhttp://www.blogger.com/profile/00049717054102303778noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4535065221010018055.post-66620721042769663362011-08-28T08:46:00.002+07:002011-08-28T08:48:49.209+07:00เบเกอรี่สูตรเค้กช็อกโกแลตนมเปรี้ยว<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjawogybkDrU-Pq1_lEyrza8F-h10-L13WT1x6r4pJRxOdoq2lusIK7pfF84IuoxJXxb_BmEvfrCCtctAVsNV-5FNmDq_Bv688A9ED4jZknINP0kNBjQ0E81v60BTKeI-NLSMzJ9h6DVzk/s1600/%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%2584%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%258A%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%2581%25E0%25B9%2582%25E0%25B8%2581%25E0%25B9%2581%25E0%25B8%25A5%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%25A1%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%259B%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B5%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%25A7.jpg" onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}"><img style="float:right; margin:0 0 10px 10px;cursor:pointer; cursor:hand;width: 154px; height: 200px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjawogybkDrU-Pq1_lEyrza8F-h10-L13WT1x6r4pJRxOdoq2lusIK7pfF84IuoxJXxb_BmEvfrCCtctAVsNV-5FNmDq_Bv688A9ED4jZknINP0kNBjQ0E81v60BTKeI-NLSMzJ9h6DVzk/s200/%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%2584%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%258A%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%2581%25E0%25B9%2582%25E0%25B8%2581%25E0%25B9%2581%25E0%25B8%25A5%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%25A1%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%259B%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B5%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%25A7.jpg" border="0" alt="เบเกอรี่สูตรเค้กช็อกโกแลตนมเปรี้ยว" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5645717618380888114" /></a>
<br /><div><b>เบเกอรี่</b>วันนี้ขอนำเสนอเค้กช็อกโกแลตนมเปรี้ยว ซึ่งมีทริกเล็กน้อยในการทำหนมเปรี้ยว คือ นมเปรี้ยวนั้นใช้นมข้นจืด 1 ถ้วย ใส่น้ำส้มสายชู 1 ช้อนโต๊ะ คนให้เข้ากัน ทิ้งไว้สักครู่จะได้นมเปรี้ยวซึ่งส่วนผสมและวิธีการทำมีรายละเอียดังต่อไปนี้</div><div>
<br /></div><div>ส่วนผสม<b>เบเกอรี่</b>สูตรเค้กช็อกโกแลตนมเปรี้ยว</div><div>ช็อกโกแลต 2 ช้อนโต๊ะ</div><div>น้ำร้อน 2 ช้อนโต๊ะ</div><div>แป้งสาลีอเนกประสงค์ร่อน1 ครง้ 2 ¼ ถ้วย</div><div>น้ำตาลทรายป่น 1 ¼ ถ้วย</div><div>เกลือป่น 1 ช้อนจา</div><div>เบกกิ้งโชดา 1ช้อนชา</div><div>เนยขาว 1/2 ถ้วย</div><div>นมเปรี้ยว 1 ถ้วย</div><div>ไข่ 3 ฟอง</div><div>
<br /></div><div><b>วิธีทำ<a href="http://thaiberkery.blogspot.com/2011/08/blog-post_28.html">เค้กช็อกโกแลตนมเปรี้ยว</a></b></div><div>1. ร่อนแป้ง เกลือป่น เบกกิ้งโซดาเข้าด้วยกัน</div><div>2. คนเนยขาวจนนุ่ม ใล่น้ำตาลลคนจนเป็นครีม ใส่ไข่ คนให้เข้ากัน</div><div>3. ผสมช็อกโกแลตกับน้ำร้อน 2 ช้อนโต๊ะ เข้าด้วยกันใส่ลงในส่วนผสมข้อ 2 คนให้ทั่วใส่แป้งสลับกับนมเปรี้ยวจนหมด</div><div>4. ปูพิมพ์รูปสี่เหลี่ยมขนาด 13x9 นิ้ว ด้วยกระดาษลอกลายข้อ 2 ทาไขมันบางๆ ให้ทั่วพิมพ์ ใส่ขนมลงในพิมพ์อบไฟ380 องศาฟาเรนไฮต์ ประมาณ 40 นาที จนขนมสุกเอาออกจากเตา</div><div>
<br /></div><div><b>วิธีทำหน้านมเปรี้ยวราดบนเค้ก</b></div><div>ครีมเปรี้ยว (sour cream) 1 ถ้วย</div><div>น้ำตาลนไอซิ่งร่อน 1 ครั้ง ¼ ถ้วย</div><div>
<br /></div><div> คนน้ำตาลไอชิ่งกับครีมแปรี้ยวข้าด้วยกันให้เป็นเนื้อเดียวกัน แช่เย็นสักครู่ แล้วจึงเอาออกมาดักราดบนเค้ก ใช้พายยางป้ายให้หน้าเสมอ แล้วจึงตัดเป็นชิ้นสี่เหลี่ยม</div><div>
<br /></div><div> </div><div>
<br /></div><div>
<br /></div>kasorhttp://www.blogger.com/profile/00049717054102303778noreply@blogger.com0