6.29.2553

เทคนิคการทำเค้ก


เค้ก
เค้กแบ่งออกเป็น 3 ชนิด ตามส่วนผสมและวิธีการทำที่แตกต่างกัน ดังนี้

1.เค้กเนย (butter cake)

คือ เค้กที่มีปริมาณหรือเปอร์เช็นต์ของ ไขมันสูง การขื้นฟูของเค้กเกิดจากการตีเนยเป็นหลัก ขั้นตอนสำคัญ
อยู่ที่การตีเนยกับน้ำตาลให้เป็นครีมก่อน แล้วใส่ไข่ แป้ง นม ตาม
ขั้นตอน เช่น เค้กเนย เค้กผลไม้ เค้กช็อกโกแลต เป็นต้น

2.เค้กไข่ (foam cake)

คือ เค้กที่ขื้นฟูด้วยการตีไข่กับน้ำตาล ไม่มี ไขมันเป็นส่วนผสม การทำเค้กไข่ควรทำด้วยความระมัดระวัง เพราะ ฟองไข่ที่เกิดจากการตีไม่แข็งแรงเหมือนเค้กเนยที่มีไขมันเป็นหลัก
เข่น แยมโรล ขนมไข่ สปันจ์เค้ก แองเจิ้ลฟู้ดเค้ก เป็นต้น

3.ชิฟฟอนเค้ก (chiffon cake)

คือ เค้กที่มีลักษณะของเค้กเนย และเค้กไข่รวมกัน คือ เนื้อเค้กละเอียดเหมือนเค้กไข่ และมีเนื้อเค้กที่ มันเงาหมือนเค้กเนย ต่างจากเค้กเนยตรงใช้น้ำมันพืชแทนเนยหรือ เค้กมีลักษณะเบาและนุ่มมาก เช่น ชิฟฟอนเค้กใบเตย เป็นต้น

เทคนิคการทำเค้ก


* ควรปูกระดาษไขให้พอดีก้นพิมพ์หรือถาด แล้วจึงทาไขมันอย่างมาร์การีนหรือเนยสดชนิดจืดบางๆ ให้ทั่ว เนยสดจะช่วยให้เค้กมีสีสวยและกลิ่นหอม ไม่ควรใช้เนยสดชนิดเค็ม เพราะจะทำให้เค้กไหม้
* เนยสดต้องหั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยม แช่ตู้เย็น เมื่อจะใช้ให้วางในอุณหภูมิห้องจนอ่อนตัวเล็กน้อย ตีขณะเนยเย็นตัว จะทำให้เนยขึ้นฟูและเบาดี
* ตีเนยกับน้ำตาลจนเป็นเนื้อเดียวกันและน้ำตาลละลายเป็นครีมก่อนจึงใส่ไข่ เนื้อเค้กจะละเอียดนุ่ม ไม่หยาบ ระวังอย่าตีส่วนส่วนผสมเหลว ถ้าเหลวให้รองก้นอ่างผสมด้วยน้ำแข็ง หรือนำไปแช่เย็นเพื่อให้เนยอยู่ตัวก่อนจึงตีต่อ เนยก็จะขึ้นฟูเช่นเดิม
* ใส่ไข่ลงในเนยที่ตีกับน้ำตาล ตีต่อจนส่วนผสมเข้ากันทั่ว อย่าตีนาน เพราะจะทำให้ส่วนผสมแยกชั้น ถ้าแยกชั้นต้องรีบใส่แป้งทันที
* ช่วงสุดท้ายใส่แป้งที่ร่อนสลับกับนมหรือน้ำ การใส่แป้งต้องใส่สลับกับของเหลว คือ แป้ง 3 ส่วน นม 2 ส่วน เริ่มด้วยแป้งแล้วจบด้วยแป้ง ถ้าใส่นมหมดในครั้งเดียว ไขมันก็จะแยกตัวออกจากส่วนผสม ทำให้เค้กไม่ขึ้นฟูเท่าที่ควร
* การผสมเค้กในขั้นตอนสุดท้ายระหว่างแป้งกับนม ใช้พายยางหรือตะกร้อผสมด้วยการตะล่อมเบาๆจนเข้ากันทั่ว ข้อสำคัญต้องคนจนถึงก้นอ่างผสม หรือใช้มือผสมก็ได้ ผสมอย่าง เบามือพร้อมกับปาดกวาดส่วนผสมที่ขอบอ่างมาด้วย หรือถ้าผสม ด้วยเครื่องให้ใช้ความเร็วต่ำสุด อย่าตีนานเพราะส่วนผสมแป้งจะ
เหนียว เมื่ออบสุกเนื้อเค้กจะแน่น
* ควรใส่ส่วนผสมเค้กลงในพิมพ์ประมาณ 3/4 ของพิมพ์ สปันจ์เค้กควรเทส่วนผสมประมาณ่ 1/2 ของพิมพ์หรือกว่าครึ่ง เล็กน้อย เนื่องจากสปันจ์เค้กจะขึ้นฟูเป็นเท่าตัวเมื่อสุก แล้วนำเข้า อบทันที ถ้าทิ้งไว้นานเกินเนื้อเค้กจะหยาบเมื่อสุก
* ชิฟฟอนเค้กควรตีด้วยความเร็วสูงจนไขขาวเริ่มตั้งยอด อ่อน จึงใส่น้ำตาล แล้วตีต่อจนไข่ขาวตั้งยอด ข้อควรระวังในการตีไข ขาว อุปกรณ์เครื่องใช้ เช่น อ่างผสม ที่ตี ต้องสะอาดและแห้งสนิท ไม่มีไขมันหรือไข่แดงปน เพราะไขมันทำให้ไข่ขาวตีไม่ขึ้นฟู

* การตีไข่ขาวจะต้องตีด้วยความเร็วสูง เพื่อให้ไข่ขาวขึ้น ได้ดีที่สุด ภาชนะที่ใช้ในการตีไข่ขาวควรเป็นแก้วหรือสเตนเลส เท่านั้น ถ้าตีในภาชนะที่เป็นพลาสติก ไข่ขาวจะตีไม่ขึ้นเท่าที่ควร การตีไข่ขาวถ้าตีมากเกีนไปจนตั้งยอดแข็ง เค้กที่อบออกมาจะมี ลักษณะเนื้อหยาบ มีฟองอากาศใหญ่ และแห้ง
* ชิฟฟอนเค้ก ผสมไข่แดงกับสวนผสมอื่นๆ ได้แก่ แป้ง น้ำตาล ผงฟู เกลือ น้ำมันพืช และน้ำหรือน้ำผลไม้ ผสมให้เข้ากันจน เนื้อเนียนไม่จับตัวเป็นเม็ด ถ้าเป็นเม็ดควรกรองผ่านตะแกรง แป้ง เป็นเม็ดจะทำให้เด็กที่ได้มีลักษณะของเม็ดแป้งอยู่ในเค้กเมื่ออบสุก
* ชิฟฟอนเค้ก ตีไข่ขาวกับน้ำตาลอีกส่วนหนึ่งจนเป็น ฟองขาวแข็งตัวแต่ไม่แห้ง แล้วค่อยๆเทljวนผสมไข่แดงลงในไข่ขาว ที่ตีได้ หรือเทไข่ขาวที่ตีลงในสวนผสมไข่แดง คนตะล่อมเบาๆจน เข้ากันดี ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญ ต้องผสมเบาๆด้วยมือ หรือถ้าใช้ เครื่องผสมก็ต้องใช้ความเร็วต่ำสุด
* ในขั้นตอนของการผสมแป้งกับไข่ขาว ควรผสมให้เร็วที่สุด ใช้เวลาน้อยที่สุด เพื่อให้เค้กที่อบออกมามีปริมาณมากและเนื้อเค้กขึ้นฟูดี
* การตีไข่ ถ้าตีไข่ระยะเวลาอันสั้น ฟองที่เกิดขึ้นจะไม่มีความคงตัว ถ้าเพิ่มเวลาในการตีไข่ให้ถึงจุดพอดี ความคงตัวจะเพิ่มขึ้น แต่ถ้าตีเกินจุดพอดี จะทำให้ความคงตัวของฟองลดลงได้
* การอบเค้กต้องจุดเตาอบให้อุณหภูมิของเตาอบได้ตามที่ตำรับกำหนด
* ขณะอบขนมไม่ควนเปิดเตาอบดูเค้กบ่อยๆ เพราะการเปิดเตาอบแต่ละครั้งจะทำให้อุณหภูมิในเตาอบลดลง เค้กจะยุบตัวถ้าเป็นระยะที่เนื้อเค้กยังไม่สุก
*ขณะอบขนมไม่ควรเปิดเตาอบดูเค้กบ่อยๆ เพราะการเปิดเตาอบแต่ละครั้งจะทำให้อุณหภูมิลดลง เค้กจะยุบตัวถ้าเป็นระยะที่เนื้อเค้กยังไม่สุก
* วางพิมพ์เค้กให้อยู่กลางเตาอบมากที่สุด
* การทดสอบหรือดูว่าเค้กอบสุกหรือยัง ให้ใช้ไม้ปลายแหลมจิ้มกลางขนม ถ้าเนื้อเค้กไม่ติดไม้ออกมาแสดงว่าสุกแล้ว
* ถ้าจะแต่งหน้าเค้กให้กลับเอาด้านล่างขึ้นและใช้แปรงปัดเศษขนมออกให้หมดก่อนแล้วลงมือแต่ง ครีมจึงติดดีไม่มีเนื้อเค้กปน
* เมื่ออบขนมาแล้วให้คว่ำออกจากพิมพ์ แล้วลอกกระดาษไขออก อย่าให้ทิ้งไว้นาน เพราะกระดาษไขที่รองก้นพิมพ์เค้กจะอุ้มความชื้นของไอน้ำ ทำให้เนื้อเค้กที่ก้นพิมพ์แฉะ และลอกกระดาษไขออกยาก
* เค้กต้องอบจนสุกจริงๆ จึงนำออกจากเตาอบ ถ้านำออกก่อนเค้กสุก เค้กจะยุบตรงกลาง
* แยมโรลเอาออกจากพิมพ์แล้วม้วนทันที คลี่ขนมลงในผ้าขาวบางหรือบนกระดาษไขแล้วม้วน จะช่วยให้ม้วนโรลได้แน่น

6.21.2553

คุกกี้


คุกกี้
คุกกี้เป็นขนมอบกรอบอร่อยที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก คนไทยเรารับวัฒนธรรมตะวันตกเข้ามาและต่อยอดได้อย่างลงตัว
จนเห็นว่าขนมคุ้กกี้พบเห็นได้ทั่วๆไป คุกกี้มีมากมายหลายชนิด
คุกกี้สามารถแบ่งออกเป็น 5 ชนิด
1. คุกกี้หยอด (dropped cookies)
เป็นคุกกี้ที่ทำง่าย อบง่าย มีชื่อตามส่วนผสมของคุกกี้มีลักษณะเหลวตักหยอดได้ เมื่ออบแล้วจะเป็นก้อนกลม หรือแผ่นบางกรอบร่วน
มีส่วนผสมหรือเครื่องปรุงรส เช่น คุกกี้เนย คุกกี้ถั่ว คุกกี้กาแฟ ฯลฯ

2. คุกกี้คลึง (roll cookies)
คุกกี้ชนิดจะแห้งและแข็งกว่าคุกกี้ชนิดอื่นๆ ถ้าเเป้งนุ่มจะคลึงยาก คุกกี้คลึงสามารถทำเป็นรูปร่างได้หลายแบบหลายลักษณะ โดยการคลึงแล้วตัดด้วยพิมพ์คุกกี้
เช่น บิสกิต คุกกี้มะนาว คุกกี้น้ำตาล เป็นต้น

3. คุกกี้หั่นหรือแช่แข็ง (sliced or rekrigerated cookies)
คุกกี้ที่ต้องนำมาคลึงเป็นแท่งกลมหรือสี่เหลี่ยม แล้วห่อด้วยแผ่นพลาสติกหรือกระดาษไข จากนั้นนำไปแช่ในตู้เย็นให้ส่วนผสมแข็งตัวก่อนจะนำมาหั่นเป็นชิ้นหนา
เช่น คุกกี้ผลไม้ คุกกี้แฟนซี คุกกี้ชีส เป็นต้น

4. คุกกี้กด (pressed cookies)
คุกกี้ชนิดใช้พิมพ์กดเป็นรูปร่างต่างๆ โดยใช้กระบอกสำหรับกดคุกกี้ คุกกี้ชนิดนี้ จะมีส่วนผสมของไขมันมากกว่าคุกกี้ชนิดอื่นๆ เช่น คุกกี้กาแฟ คุกกี้แยม เป็นต้น

5. คุกกี้แท่งหรือคุกกี้บาร์ (bar cookies)
คุกกี้ขนิดนึ้ตัดเป็นรูปแท่ง มีลักษณะอยผสมา้นคือ เนื้อเค้ก อบในถาดอบก้นตื้น เมื่ออบสุกจะนำมาตัดเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมรูปแท่ง
เป็นคุกกี้ชนิดที่มีความอ่อนตัว มีดวามชุ่มฉ่ำ เช่น บราวนี่ พีนัทสไลซ์ บาร์อัลมอนต์ เป็นต้น


เทคนิคการทำคุกกี้

1.ถาดที่จะใช้อบคุกกี้ควรเป้นถาดก้นตื้นหรือไม่มีขอบเพราะจะทำให้ สามารถแซะคุกกี้ออกจากถาดได้ง่ายๆ
2.อุณภูมิของเตาอบที่จะใช้อบคุกกี้ มีความสำคัญถ้าอุณหภูมิไม่ถึงจะทำให้แผ่นคุกกี้มีรุปทรงไม่สวยเพราะอยู่ในเตาอบนานเกินไป
3.การอบคุกกี้ที่มีส่วนผสมของน้ำตาลและไขมันสูงๆ จะต้องใช้อุณหภูมิที่ต่ำกว่าคุกกี้ทั่วๆไป
4.ในการทำคุกกี้ โดยทั่วไปจะต้องทาถาดด้วยไขมันก่อนหยอดคุกกี้ แต่ในกรณีที่เป็นคุกกี้ที่มีส่วนประกอบของไขมัน หรือเนยที่สูง อย่างคุกกี้เนย ไม่ต้องทาถาดหนาๆก็ได้
5.การหยอดหรือบีบคุกกี้ ต้องสังเกตุส่วนผสมก่อนว่าได้ที่หรือยัง ส่วนผสมต้องไม่แห้งหรือเหลวเกินไป หากเลวเวลาหยอดแผ่นคุกกี้จะแบนราบไม่สวย หากแห้งเกินไปก็จะกดหรือบีบไม่ออก

6.08.2553

พายแอปเปิ้ล



พายแอปเปิ้ล (Apple Pie)
พายแอปเปิ้ลรสชาติ อร่อยที่หลายๆคนติดใจ

ส่วนผสม
ไข่ไก่ 1 ฟอง
แปังสาลี 50o กรัม
มาร์การีน 25o กรัม
น้ำตาลทรายเม็กใหญ่ 15o กรัม
ผสมทั้งหมดเข้าด้วยกันด้วยหัวใบไม้ให้เข้ากัน พักไว้ในตู้เย็น

ส่วนผสมไส้พายแอปเปิ้ล
แอปเป็้ลเขียว 5 ลูก
ลูกเกดแช่น้ำแล้วบีบให้ปห้ง 100 กรัม
น้ำตาสทราย 100 กรัม
แปังข้าวโพด 10กรัม
เกลือ 2 กรัม
อบเชยป่น 5 กรัม
น้ำมะนาว 1 ลูก
ผิวมะนาว 1 ลูก
มาร์การีน100 0รัม


วิธีการทำ
1. ล้างแอปเปิ้ลแล้ว ปอกเปลือกเอาไส้ออก แล้วหั่นบาง ๆ ใส่ลงในอ่าง เติมน้าตาล เกลืออบเชย มาการ์รีนเค้ก ละลาย ลูกเกด แปังข้าวโพด
น้ำมะนาว ผิวมะนาว จากนั้นคลุกเคล้าส่วนผสมต่างๆให้เข้ากัน
2. คลืง sugar past หนาประมาณ 1/2 ซม. กรูลงในพิมพ์ฟรอยด์ ตักส่วนผสมข้อที่1. ลงให้เต็มพอดี คลึง sugar past หนาประมาณ 1/2 ซม.ปิดหน้า แล้วทาไข่ให้ทั่วใช้สอมทำเป็นลาย เจาะเป็นรู
3. วางลงในถาดอบโรยหน้าด้วยน้ำตาลทรายเม็ดใหญ่ อบไฟ 18o องศาเซลเซียส ใช้เวลาประมาณ 25 นาที
จนสุกเหลือง เอาออกจากเตาโรยด้วยน้ำตาลไอซิ่ง พร้อมรับประทานร้อนๆ

6.01.2553

เค้กแครอท ฟักทอง (Pupmkin Carot Cake)


เค้กแครอท ฟักทอง (Pupmkin Carot Cake)
แครอทและฟักทองเป็นพืชที่มีสารเบต้าแคโรทีนสูง มีประโยชน์มากมายต่อร่างกาย

ส่วนผสม
แปังสาลีเอนกประสงค์ 200 กรัม
ผงฟู 10 กรัม
เบ้กกิ้งโซดา 3 กรัม
เกลืป่น 1 กรัม
ไข่ไก่ 3 ฟอง
วอลนัท สับหยาบๆ 100 กรัม
ผิวส้มเขียวหวานหั่นละเอียด 1/2 ลูก
น้ำตาลทราย 150 กรัม
แครอทดิบไส 100 กรัม
ฟักทองดิบไส 200 กรัม
น้ำมันพืช ุ150 กรัม
นมข้นจืด 6o กรัม
วานิลลาน้ำ 5 กรัม

วิธีทำ Pupmkin Carot Cake
1. ร่อนแปัง เบ้กกิ้งโซดา ผงฟู และเกลือเข้าด้วยกัน
2. ตอกไข่ไก่ และคนไข่ไก่เข้าด้วยหัวตะกร้อ ใส่ผิวส้ม ใส่น้ำตาลทรายคนเข้าด้วยกัน
ใส่น้ำมันพืช ใส่นมข้นจืดคนให้ทั่ว ใส่แครอท ฟักทอง คนด้วยหัวตะกร้อเข้าด้วยกัน
3. ใส่แปัง วอลนัทเคล้าให้เข้ากันด้วยมือ
4. ปูพิมพ์สี่เหลี่ยม า 1ox1ox1.5 นิ้ว ทาไขมันบาง ๆ ให้ทั่ว เทส่วนผสม ใส่ลงไปในพิมพ์ อบด้วยไฟ 18o องศาเซลเซียส ประมาณ 20 - 25 นาที ให้สุกเหลือง
เอาออกจากเตา เอาขนมออกจากถาดตัดเป็นชิ้นยาวดามพิมพ์กว้าง 2 นิ้ว แต่งหน้าโดยไอซิ่งใส่หน้าลงในกรวยบีบให้เป็นเส้นทะแยง หรือ
ราดบนเค้กให้ทั่วปาดด้วยที่ปาดให้เรียบ ตัดชิ้นขนาดตามตัองการแต่งหน้าด้วยเม็ดมะม่วงหิมพานต์ ผ่าซีกให้สวยงาม

ส่วนผสมหน้าไอซิ่ง

น้ำตาลไอชิ่ง 25o กรัม
มาร์การีนตราโอลิมปิคเค้กโกลด์ 20 กรัม
น้ำส้มคั้นสด ๆ หรือซันควิก 30 กรัม
กลิ่นส้ม 1 ช้อนชา
น้ำ 3o กรัม

ผสมน้ำกับน้ำตาลไอซิ่งเข้าด้วยกันค่อย ๆ ใส่น้ำทีละน้อย คนให้เข้ากันใส่น้ำส้มคั้นคนให้เข้ากันเร็ว ๆ ใส่กลิ่นส้ม คนให้ทั่ว ใส่มาร์การีนนำไปตั้ง
ไฟพอมาร์การีนตราโอลิมปิคเค้กโกลด์ละลายคอยคนตลอดเวลา ยกลง เสร็จ