12.21.2553

แป้งสาลี



แป้งสาลี


ในการทำเบเกอรี่นั้น แป้งสาลีเป็นส่วนประกอบสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่ขาดไม่ได้ วันนี้เรามาทำความรู้จักกับแป้งสาลีกันก่อน เพื่อให้เข้าใจพื้อฐานเบื้องต้นในการทำเบเกอร์รี่

แป้งสาลี หรือ Wheat Flour
แป้งสาลี เป็นแป้งที่ต่างจากแป้งชนิดอื่นเพราะประกอบไปด้วยโปรตีน 2 ชนิด คือกลูตานิน (glutanin) และไกลอะดิน (glyadin) เมื่อแป้งถูกนวดรวมกับน้ำ โปรตีนจะรวมตัวเป็นสารชื่อ กลูเตน (gluten) มีลักษณะเป็นยาง ยืดหยุ่นทำให้สามารถเก็บก๊าซไว้ด็ จึงทำหน้าที่เป็นโครงสร้างในขนมอบ มีแป้งสาลี 3 ชนิด ที่ใช้เพื่อทำขนมอบ คือ แป้งขนมปัง แป้งอเนกประสงค์ แป้งเค้ก แต่ละชนิดมีลักษณะ คุณสมบัติ และการใช้ประโยชน์ต่างกัน อาหารที่ทำจากแป้งสาลี
อาหารที่ทำจากแป้งสาลี
แป้งสาลีเป็นแป้งที่ทำมาจากข้าวสาลี มักนิยมใช้ทำขนมและอาหารได้หลายอย่าง เช่น ขนมปัง โรตี เค้ก พาย คุกกี้ ปาท่องโก๋ เกี๊ยว ฯลฯ
ถ้าจะแบ่งชนิดของแป้งสาลีออกเป็นประเภทใหญ่ ๆ จะแบ่งได้ 3 ชนิด ได้แก่

1. แป้งสาลีธรรมดา หรือแป้งอเนกประสงค์ เป็นแป้งที่ทำมาจากข้าวสาลีชนิดเบาและหนักผสมกัน จึงเป็นแป้งที่ทำขนมจากแป้งสาลีได้ทุกอย่าง
แต่ลักษณะของเนื้อขนมที่ได้จะต่างกับที่ใช้แป้งเฉพาะอย่างบ้างเล็กน้อย เช่น ถ้าใช้ทำขนมปัง ความหนืดของเส้นใย ขนมปังจะไม่ดีเท่ากับใช้แป้งขนมปังโดยตรง
หรือเค้กที่ทำจากแป้งอเนกประสงค์ จะได้เนื้อขนมไม่นุ่ม หรือเนื้อละเอียดเท่ากับใช้แป้งเค้ก แต่แป้งชนิดนี้จะราคาถูกและหาซื้อง่ายกว่าแป้งชนิดอื่น
แป้งอเนกประสงค์ที่มีจำหน่ายในท้องตลาด เช่น แป้งตราหัวกวาง แป้งตรากบ แป้งตราว่าว

2. แป้งขนมปัง เป็นแป้งชนิดหนักมีโปรตีนสูง ต้องใช้ยีสต์หรือแป้งเชื้อเป็นตัวทำให้ขึ้นฟู เนื้อแป้งหยาบ เหมาะที่จะใช้ทำขนมปัง หรือขนมที่มีลักษณะคล้ายขนมปัง
เช่น โดนัทยีสต์ พิซซ่า ปาท่องโก๋ โรตี หรือ ผลิตภัณฑ์จำพวกเส้นบะหมี่ แผ่นเกี๊ยว แป้งขนมปังที่มีจำหน่ายในท้องตลาด เช่น แป้งตรานกอินทรี แป้งตราห่าน แป้งตรากำแพงเมืองจีน

3. แป้งเค้ก เป็นแป้งชนิดเบาเนื้อแป้งละเอียด มีโปรตีนต่ำกว่าแป้งขนมปัง เหมาะที่จะใช้ทำขนมเค้ก และขนมที่มีเนื้อละเอียด เบา ฟู เช่น ขนมปุยฝ้าย ซาลาเปา แยมโรล ขนมไข่ แพนเค้ก ฯลฯ
แป้งชนิดนี้ ใช้ผงฟู หรือเบคกิ้งโซดา เป็นตัวทำให้ฟู แป้งเค้กที่มีจำหน่ายในท้องตลาด เช่น แป้งตรากิเลนแดง แป้งตรากิเลนเขียว แป้งตราพัดโบก แป้งตราบัวแดง


ลักษณะของแป้งสาลีที่ดีต้องมีลักษณะดังต่อไปนี้

1. สีขาวสะอาด เนื้อละเอียด ไม่มีสิ่งเจือปน
2. แห้งสนิท ไม่มีตัวมอด ไม่มีกลิ่นสาบ

กรรมวิธีในการทำอาหารจากแป้งสาลี
1. ทอด
- ทอดด้วยน้ำมัน ได้แก่ ปาท่องโก๋ โรตี ขนมไข่นกกระทา โดนัท ฯลฯ
- ทอดไม่ใช้น้ำมัน ได้แก่ แพนเค้ก ขนมโตเกียว วอฟเฟิล ฯลฯ
2. อบ ได้แก่ ขนมปังต่าง ๆ เค้ก พาย พิซซ่า คุกกี้ ขนมเปี๊ยะ แยมโรล ฯลฯ
3. นึ่ง ได้แก่ ซาลาเปา ปุยฝ้าย ฯลฯ
4. ลวก เช่น เส้นบะหมี่ แผ่นเกี๊ยว

วิธีเก็บรักษาแป้งสาลี
1. เก็บในภาชนะที่มีฝาปิดสนิท เพราะถ้าแป้งมีความชื้นสูงจะทำให้แป้งเป็นตัวและขึ้นราได้ง่าย
2. เก็บในที่มีอุณหภูมิต่ำ ๆ เช่นเก็บไว้ในตู้เย็น

12.15.2553

อุปกรณ์ทำเค้ก

อุปกรณ์ทำเค้ก


อุปกรณ์ทำเค้ก ต่อไปนี้เป็นอุปกรณ์เบื้องต้นที่ใช้ในการทำเค้ก


1. เครื่องตีเค้ก
แต่เดิมเวลาทำเค้กเราจะใช้พายไม้พายยาง หรือตะกร้อมือสำหรับตีเค้กแต่ว่าเค้กที่ได้เนื้อจะไม่เนียนสม่ำเสมอกัน จนได้มีการผลิตเครื่องตีเค้กขึ้นมาในภายหลัง และแบ่งความเร็วเป็น3 ระดับ ด้วยกัน คือ ความ เร็ว ต่ำปานกลางและสูง ซึ่งเครืองที่มีความเร็ว 5 ระดับก็ใช้หลักการเดียวกันเพียงแต่จะสามารถกำหนดความเร็ว
ได้ละเอีย ดมากขึ้น สำหรับ เครื่องตีเค้กมีหลายยี่ห้อและหลายขนาดราคาจะขึ้นอยู่กับยี่ห้อ วัตถุดิบที่ใช้ผลิต และขนาดของเครื่อง

2. หัวตีรูปตะกร้อ
เป็นหัวตีที่มาพร้อมกับเครื่องตีเค้กลักนณะเป็นลวดเหล็กหนาซ้อนกันไปมา คล้ายกับตะกร้อมือทัวไป ช่วยในการเพิ่มฟองอากาศให้กับของเหลว โดยเฉพาะ จึงเหมาะกับการตีวิปปิ้งครีม ไข่ขาว เค้กชิฟฟอน เค้กสปันจ์
หรือส่วนผสมที่ต้องการความละเอียดมาก ๆ

3.หัวตีรูปใบไม้หรือใบโพ
ที่เรียกว่าหัวตีรูปใบไม้เพราะมีลักนณะแบนเหมือนใบไม้ โดยเฉพาะใบโพ (ในตำราบางเล่มจะเขียนว่าหัวตีรูปใบโพ) ลักนณะเหล็กจะหนาแข็งแรงกว่า แบบหัว ตีรูป ตะกร้อเหมาะแก่การตีส่วนผสมเนื้อแน่นหนืด เช่น เนยสดหรือขนมที่ต้องการความเนียนฟูแบบไม่มีฟองอากาศมากนักเช่น บัตเตอว์ครีมสำหวับแต่งหน้าเค้ก เค้กเนย และเค้กผลไม้ ซึ่งเนื้อขนมที่ได้จะเนียนแน่น ไม่ฟูหรือเบาจนเกินไป

4. ถ้วยตวงน้ำ
เป็นถ้วยตวงที่มีปริมาตรบอกด้านข้างทั้งสองด้าน มีทั้งแบบมิลลิลิตร ซึ่งสูงสุดจะเป็น 250 มิลลิลิตร และแบบถ้วย ซึ่งแบ่งขนาดเหมือนกับถ้วยตวงแห้ง มีทั้งแบบแก้วและพลาสติก แบบแก้วจะราคาแพงกว่ามาก แต่ก็นิยมใช้กัน เพราะได้มาตรฐานกว่า

5. เครื่องชั่งน้ำหนัก
เครื่องชั่งน้ำหนักจำเป็นมากในการทำเบอเกอรี่ และมีหลายแบบ ส่วนมากนิยมใช้แบบน้ำหนักสูงสด 1 กิโลกรัมเพราะทำให้อ่านหน้าปัดได้ละเอียดกว่าแบบ 2 กิโลกรัม ราคาจะขึ้นอยู่กับแต่ละ ยี่ห้อ

6 ถ้วยตวงน้ำ
มีทั้งหมดสี่ขนาดในหนึ่งชุด เรียงจากมากไปน้อยคือ 1, ½ ,1/3 และ ¼ ถ้วย โดยจะมีบอกปริมาณกำกับไว้ตรงข้างถ้วยทุกใบ มีทิ้งที่เป็นพลาสติก อะลูมิเนียม และสเตนเลส ใช้สำหรับตวงของแห้ง เช่น แป้ง น้ำตาลทรายถั่ว ฯลฯ

อุปกรณ์ทำเค้ก
7. ตะแกรงร่อนแป้ง
ส่วนมากทำจากพลาสติก อะลูมิเนียม และสเตนเลส สำหรับตัวตะแกรงนั้นจะทำจากสเตนเลสเป็นหลัก(ยกเว้นบางชนิดที่ขนาดเล็กจะทำจากพลาสติก) เป็นอุปกรณ์ที่จำ เป็นและสำคัญมาก เพราะช่วยร่อนให้แป้งสาลีไม่เกาะกันเป็นก้อน และเพื่อให้ได้ปริมาณที่ถูกต้อง ควรร่อนแป้งทุกครั้งก่อนการตวงแป้ง

8. อ่างสเตนเลส
ใช้สำหรับคลุกเคล้าส่วนผสมต่าง ๆมีหลายขนาด นอกจากทำจากสเดนเลสแล้ว ยังมีที่ทำจากพลาสติก แก้วและอะลูมิเนียม แต่ในการทำเบเกอรี่ หรืออาหารทั่วไปจะใช้อ่างสเตนเลสเพราะทนทานต่อความร้อนหรือเย็นได้ดีและราคาไม่แพงจนเกินไป

9. ช้อนตวง
ใช้สำหรับตวงส่วนผสมที่ใส่ในปริมาณน้อย เช่น เกลือป่น ผงฟูกลิ่นวานิลลา ฯลฯ ในหนึ่งชุดจะแบ่งออกเป็น 1 ช้อนโต๊ะ 1 ช้อนชา ½ ช้อนชา 1/3 ช้อนชา และ ¼ ช้อนชา

10 ถาดรองพิมพ์และถาดมัฟฟิน
ส่วนมากทำจากอะลูมิเนียม มีหลายขนาด ใช้สำหวับรองพิมพ์เค้กขณะอบ เพื่อกันไม่ให้เค้กด้านล่างร้อนเกินไป เค้กที่ได้จึงสุกเสมอกันทั้งสองด้าน และยังสะดวกต่อการเคลื่อนย้ายพิมพ์เค้กขณะอยู่ในเตา ส่วนถาดหลุม มัฟฟินใช้สำหรับทำขนมมัฟฟินโดยเฉพาะ หวือไม่ก็อาจทำขนมปังหรือเค้กที่ต้องการประคองให้ได้รูปทรงสวยขณะอบ

11. ตะแกรงวางเค้ก
เป็นตะแกรงสเตนเลสขนาดต่างๆใช้สำหรับวางเค้กให้เย็นเวลาที่นำออกจากเตาอบ มีขาตั้งสูงขึ้นจากพื้นเล็กน้อย จึงช่วยให้มีอากาศถ่ายเทไปมาขณะพักไว้ ทำให้เค้กแห้ง ไม่ชื้นเพราะไอน้ำจากความร้อน

12. แปรงทาพิมพ์
มีหลายแบบ ทั้งขนสีขาวและสีดำ แต่การทำเบเกอรี่ส่วนมากจะใช้ขนแปรงสีขาว เพราะอ่อนนิ่ม ช่วยให้ทาเนยขาวในพิมพ์เค้กหรือถาดอบ ได้ทั่วถึงกว่า

13. พิมพ์เค้ก
ส่วนมากทำจากอะลูมิเนียมและสเตนเลส มีหลายรูปแบบให้เลือกตามความต้องการ นอกจากนี้ยังเป็นตัวช่วยกำหนดปริมาณของเค้กปอนด์อีกด้วย

14.ไม้นวดแป้งหรือไม้คลึงแป้ง
มีทั้งทำจากไม้และเหล็ก ถ้าให้ดuควรจะมีน้ำหนักมากหน่อย เพราะจะทำให้คลึงแป้งได้เนียนเรียบเสมอกันมักใช้ในการทำแป้งพายหรือขนมปังที่ต้องการให้เป็นแผ่นบาง มีหลายขนาดให้เลือกเช่นกัน

15 เลื่อยสไลซ์เค้ก
ปกติเราจะมีมีดที่คล้ายเลื่อยสำหรับสไลซ์เค้กอยู่แล้ว แต่มักจะแบ่งชั้นเค้กหนาไม่เท่ากัน เพราะต้องใช้สายตาวัดเอาเอง (โดยเaพาะเค้กที่ต้องแบ่งหลาย ๆชั้นสำหรับสอดไส้) ซึ่งอปวรณ์แบบนี้จะช่วยให้แบ่งเค้กได้สวยและหนาเท่ากัน สามารถปรับระดับความสูงได้ตามต้องการ แต่ถ้าไม่มีจะใช้มีดธรรมดาหรือมีดสไลซ์ที่
บอกไปแทนก็ได้

16 ไม้โรลและกระดานรองพิมพ์
อุปกรณ์ทั้งสองชิ้นนี้ใช้สำหรับม้วนแผ่นเค้กที่ต้องการความโค้ง เช่น แยมโรล โดยจะใช้แผ่นกระดานไข (หรือผ้าขาวธรรมดารองไว้ด้านล่าง ส่วนไม้ก็ม้วนติดกับกระดานไว้ ด้านหนึ่งก่อนจะดึงกระดานที่รองแผ่นเค้กให้ม้วนไปตามแนวที่ต้องการ ซึ่งกระดานที่ใช้รองพิมพ์เค้กก็ใช้กระดานชนิดนี้ด้วยเช่นกัน

17.ตะกร้อมือ
ใช้สำหรับคนหรือตะล่อมส่วนผสมให้เข้ากัน โดยเฉพาะเนื้อเค้กที่ต้องการความเบาฟูอย่างเค้กชิฟฟอน (เค้กไข่ขาว) สามารถใช้แทนหัวตะกร้อ ในเครื่องตีได้ ทำได้ทั้งเมอแรง เค้กชิฟฟอน และวิปปิ้งครีม ส่วนมาd
ทำจากสแตนเลสทั้งอัน แต่ก็มีบ้างที่ด้ามจับทำด้วยพลาสติก

18. ที่สับเนย
ลักษณะ เหมือนรูป ครึ่งวงวลมตรงส่วนโค้งจะทำจากสเตนเลสซี่บางๆ ส่วนด้ามจับเป็นไม้ ใช้สำหรับสับเนยที่อยู่ในแป้งให้เป็นชิ้นเล็ก ๆ ส่วนมากใช้กับส่วนผสมแป้งที่ต้องการความกรอบ และไม่ต้องการใช้มือนวด โดยตรง ยกตัวอย่าง เช่นแป้งพายเป็น ต้น

19. สปาตูลา
เป็นอปกวณ์สำคัญอีกชิ้นในการทำขนม เค้ก โดยเฉพาะ เค้กครีมเพราะใช้ได้ทั้งปาดครีม แยม สำหรับสอดใส่ในชั้นต่าง ๆ ลักษณะเป็นแผ่นสเตนเลสปลายมนยาว (คล้ายมีดแต่ไม่คม) ด้ามจับทำจากไม้หรือพลาสติก มีหลายขนาดให้ เลือกตามถนัดมือ

20. ไพ่แต่งลาย
ใช้สำหรับตกแต่งลวดลายบนเนื้อครีม โดยเฉพาะการปาดลวดลายครีมด้านข้าง ไพ่หนึ่งใบจะมีสองด้านคือด้านเรียบและด้านที่เป็นลาย โดยไพ่แต่ละใบจะมีลายต่างกัน ทำให้แต่งเค้กได้หลายแบบ นอกจากนี้ยังใช้ปาดครีมแทนสปาตูลาได้ด้วย

21. แป้นหมุน
ถ้าต้องการแต่งหน้าเค้ก อุปกรณชิ้นนี้นับว่าช่วยได้มากทีเดียว เพราะสามารถหมุนได้รอบ ทำให้เค้กที่แต่งมีความต่อเนื่อง ไม่ว่าจะปาดครีมหรีอบีบครีม
อุปกรณ์ทำเค้ก
22. หัวบีบ ถุงบีบ
ใช้บีบของเหลวต่าง ๆที่ใช้ในการตกแต่งเค้กทุกชนิด โดยใช้คู่กับหัวบีบเบอร์ต่าง ๆ ตามต้องการ ส่วนมากทำจากผ้า พลาสตกิ หรือยาง แต่ถ้าไม่มีถุงบีบ สามารถใช้กระดานไขม้วนเป็นกรวย หรือถุงพลาสติกเจาะปลาย
พับเป็นกรวยแทนได้ เวลาทำความสะอาด ถ้านำไปแช่ในน้ำร้อนก่อนล้าง จะช่วยให้ทำความสะอาดได้ง่ายขึ้น



23. พายยาง
ใชสำหรับปาด เนื้อ เค้กที่ผสมเสร็จแล้วให้เรียบ ทำจากพลาสติกส่วนปลายแผนและบาง โค้งได้มาสามารลปาด เนื้อเค้กที่ ติดอยู่กับอ่างผสมในเครื่องออกได้หมด นับเป็นอุปกรณ์สำคัญมากที่ขาดไม่ได้เลยอีกอย่างในการทำเบเกอวี่

24. พิมพ์กดเค้กรูปวงกลมหรือพิมพ์วงแหวน
เป็นอุปกรณ์อีกอย่างที่ใช้บ่อยมากเพราะช่วยกดเค้กให้เป็นแผ่นกลมขนาดตามต้องการ สำหรับนำไปตกแต่งต่อในแก้วให้สวยงามส่วนใหญ่ทำจากสเตนเลส สามารถหาชื้อได้ตามร้านขายอุปกรณ์เบเกอรี่ทั่วไป

25. พายไม้ทำขนม
ใช้เวลากวนไส้ขนม ครีม หรือคัสตาร์ด ลักนณะจะต่างกับพายไม้ สำหรับทำอาหารคาวเล็กน้อย เพราะพายไม้ทำขนมจะมีปลายแบนและมนกลม ทำให้สามารถกวนไส้ต่าง ๆได้ทั่วถึง แต่ถ้าไม่มีจะใช้พายไม้สำหรับ
ทำอาหารคาวหรือทัพพีทั่วไปแทนก็ได้

26. แก้วใสแบบต่างๆ
อุปกรณ์ที่จะขาดไม่ได้เลยในเล่มนี้คือแก้วใสทรงต่าง ๆ แต่ถ้าใครมีไอเดียใหม่ ๆก็สามารถเลือกแล้วทรงต่าง ๆได้ตาม ชอบ

12.06.2553

คุ้กกี้เจ(vegetarian cookies)

คุ้กกี้เจ


*ลักษณะของคุ้กกี้เจที่ดี ต้องร่วนกินแล้วไม่ติดคอ *

ส่วนผสม
มาร์การีน 150 กรัม
น้ำตาลทราย 180 กรัม
วานิลาผง 2 กรัม
แป้งอเนกประสงค์ 400 กรัม
เกลือป่น 2 กรัม
ผงฟู 5 กรัม
เพรสตรี้มาร์การีน 150 กรัม
เม็ดมะม่วงหิมพานต์ผ่าครึ่งสำหรับแต่งหน้าน้ำตาลทราย

วิธีทำ
1. ผสมมาร์การีนกับเพรสตรี้มาร์การีน น้ำตาล เกลือ วานิลาผง ผงฟู และแป้ง เข้าด้วยกันใส่เครื่องใช้หัวใบไม้ ตีพอเข้ากัน อย่าตีนาน

2. นำเข้าตู้เย็นช่องเย็นธรรมดาพออยู่ตัว นวดคลึงให้หนาประมาณ 1/2 ซม

3. ใช้พิมพ์สำหรับตัดคุกกี้ตัดวางในถาด ทาหน้าด้วยน้ำให้ทั่ว ใช้ส้อมจิ้มเป็นรูตรงกลาง
แต่งหน้าด้วยเม็ดมะม่วง ให้สวยงาม โรยน้ำดาลทราย อบไฟ 180 oC – 200 o C จนสุกเหลือง
เอาออกจากเตา วางบนตะแกรง ปล่อยให้เย็น บรรจุภาชนะปิดให้ลนิทเก็บได้เป็นเดือน

11.15.2553

คุกกี้ตะไคร้(Lemongrass Cookie)

Lemongrass Cookie
คุกกี้ตะไคร้(Lemongrass Cookie)
คุกกี้ตะไคร้นี้เป็นคุกกี้ที่มีส่วนผสมของสมุนไพรที่มีประโยชน์อย่างตะไคร้ ที่มีสรรพคุณ ช่วยขับปัสสาวะ เป็นยารักษาโรคหืด แก้ปวดท้อง ขับปัสสาวะและแก้อหิวาตกโรค
คุกกี้สูตรนี้จึงไม่ได้เป็นเพียงขนมกินเล่นที่แสนอร่อยเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

ส่วนผสม
แป้งเค้ก 100 กรัม
แป้งสาลีเอนกประสงค์ 280 กรัม
ตะไคร้ตากแห้งป่นละเอียด 25 กรัม
มาร์การีน 150 กรัม
เนยขาว 150 กรัม
ผงฟู 5 กรัม
น้ำตาลไอซิ่ง 100 กรัม
น้ำตาลทรายขาว 100 กรัม
ไข่ขาว 2 ฟอง
เกลือป่น 5 กรัม

วิธีทำ
1.เริ่มจาก ตีมาร์การีนกับเนยขาว ไข่ขาว น้ำตาลทั้งสองชนิดเข้าด้วยกัน ใส่ตะไคร้ ตีเข้าด้วยกัน อย่าตีนาน
2.ใส่แป้งคนพอเข้ากัน
3.ทาถาดด้วยเนยขาวบางๆ บีบส่วนผสมให้เป็นก้อนเท่าๆ กัน อบไฟ 170 -180 oC จนเหลือง เอาออกจากเตาปล่อยให้เย็น บรรจุในภาชนะปิดสนิท

11.05.2553

พายกรอบ (Crypy Pie)

พายกรอบ (Crypy Pie)
พายกรอบ (Crypy Pie)
พายกรอบเป็นขนมแห้งที่ควรมีติดขวดโหลไว้ เวลาหิวจะได้กินเป็นของว่างในช่วงบ่ายมากๆ ความกรอบร่วนของแป้ง หอมมาร์การีน เค็มนิด ทำให้คุณเพลิดเพลินได้ดีทีเดียว

ส่วนผสม
แปังขนมปัง 1100 กรัม
เกลีอป่น 20 กรัม
มาร์การีนเค้ก 100 กรัม
มาร์การีนพัฟ 1000 กรัม
น้ำเย็น 700 กรัม
แป้งขนมปังอีก 100 กรัม

วิธีทำ
1. นวดมาร์การีนกับแป้ง 100 กรัม (ใดยใช้แป้งนวลช่วย)พอเข้ากัน นวดเป็นก้อน พักไว้ก่อน
2. ผสมแป้งขนมปัง เกลือป่น มาร์การีนเค้ก และน้ำเข้าด้วยกันนวดผสมจนแป้งเนียน พักไว้ ก่อน 1
3. นำมาร์การีนพัฟ ออกมารีดเป็นแผ่นสีเหลี่ยมขนาดประมาณ 15 นิ้ว x 3o นิ้ว วางก้อนแป้งลงตรงกลาง ห่อแป้งด้วยมาร์การีนพัฟ ที่รีดไว้ให้มิดทุกด้าน
4. รีดออกเป็นแผ่นสี่เหลี่ยมหนา 1 /2 นิ้ว (ระหว่างรีดต้องใช้แป้งนวลช่วยและใช้ลูกกลิ้งรีดออกให้เสมอกัน) พับแผ่นเนย 3 ทบ รีดอีกครั้งแล้วพับอีก 3 ทบ รีดอีกพับ 3 ทบ รีดออกอีกครั้ง แล้วพับ 4 ทบห่อด้วยพลาสติก พัภไว้ในตู้เย็นประมาณ 1 ชั่วโมง
5. นำออกมารีดอีกครั้ง ขึ้นรูปตามความต้องการ นำเขาอบด้วยอุณหภูมิ
180 องศาเซลเซียส ใช้เวลาประมาณ 15 - 20 นาที นำออกจากเตา พักไว้ให้เย็น
บรรจุภาชนะปิดสนิท

** วิธีขึ้นรูป
1.คลึงแปังให้บางประมาณ 1/4 ซม. ทาไข่บาง ๆ (ไข่ตีเข้าทั้งลูก)
โรยด้วยน้ำตาล หวานตามต้องการ คลึงน้ำตาลเพื่อให้น้ำตาลติดเเน่น
2.เป็นตัดรูปต่าง ๆ ตามต้องการวางในถาดอบ อบไฟ 18oองศาเซลเซียส ประมาณ
15 - 2o นาที จนสุกเหลือง เอาอออจากเตา แชะออกจากถาดปล่อยให้เย็น บรรจุภาชนะปิดสนิท

*** แป้งนี้ใช้ทำกะหรี่พัฟ หรือพายไก่ก็ได้

9.03.2553

ชินนามอนโรล

ชินนามอนโรล

ชินนามอนโรลผลไม้ผสม
เมนูนี้เหมาะสำหรับทานเป็นมื้ออาหารว่าง จิบชาหรือกาแฟอุ่น แกล้มกับชินนามอนโรลผลไม้ผสม ขนมปังที่หอมกรุ่นกลิ่มอบเชย

ส่วนผสมสำหรับทำไส้ใน
น้ำตาลทรายแดง 50 กรัม
น้ำตาลทรายขาว 50 กรัม
แป้งสาลีเอนกประสงค์ 50 กรัม
ผลไม้แช่อิ่ม มะเขือเขียวแดงหั่น
อบเชยป่น 10 กรัม
มาการ์รีน 100 กรัม
ผลไม้แช่อิ่ม ผิวส้ม ลูกเกด รวมกัน 500 กรัม

วิธีทำไส้
1. ผสมน้ำตาลทรายแดง กับน้ำตาลทรายขาวเข้าด้วยกันและแป้งเอนกประสงค์ และอบเชยป่นเข้าด้วยกัน
2. สับเนยเป็นชิ้นเล็ก ๆ ใส่ลงในส่วนผสมข้อ1. คนเบา ๆ พอทั่วแช่เย็นในตู้เย็นช่องเย็นธรรมดา

สวนผสมแป้ง
แป้งขนมปัง 750 กรัม
นมสด 300 กรัม
น้ำตาลทราย 100 กรัม
ยีสต์ ขนมปังหวาน 15 กรัม
น้ำอุ่น 5o กรัม
น้ำตาลทราย 10 กรัม

**เกลือ 10 กรัม+ไข่ไก่ 2 ฟอง+มาการ์รีน 100 กรัม
ผสมเข้าด้วยกันปล่อยให้ขื้น


วิธีทำตัว
1. ละลายยีสต์กับน้ำอุ่น น้ำตาล 10 กรัม เข้าด้วยกัน คนให้เข้ากัน ปล่อยให้ขึ้น
2. ใส่เกลือลงในนม ใส่ไข่ไก่ คนพอทั่ว ใส่มาร์การีน 100 กรัม
3. ใส่แปังกับส่วนผสมข้อ 2. ใส่ยีสต์ลงในอ่างผสม ตีให้เข้ากันด้วยหัวตีรูปตะขอ จนแป้งเนียน แบ่งแป้งเป็น 3 ส่วนเท่า ๆ กัน หมักไว้ประมาณ 3o นาทีให้ขึ้นเป็น 2 เท่า
4. คลึงแป้งเป็นแผ่นสี่เหลี่ยมผืนผ้าหนา 1/2 ซม. ทามาการ์รีนละลายบาง ๆ โรยด้วย ส่วนผสมน้ำตาลให้ทั่ว โรยด้วยผลไม้เชื่อม เช่น มะเขือ ผิวส้ม ลูกเกด ให้ทั่ว ม้วนตามยาวให้แน่น วางขดลงในถาด
ทาไขมันใช้มีดบั้งห่าง ๆ 1 นึ้ว เข้าตู้หมัก หรือม้วนกลมเป็นแท่ง ตัดเป็นชิ้นหนาประมาณ 1 นิ้ว ใส่ลงในพิมพ์ถ้วยเค้กเล็กปล่อยให้ขึ้น (1 ชิ้นตกได้ 15 อัน)
5. ทาไข่ให้ทั่วโรยอัลมอนด์หั่นบาง ๆ โรคน้ำตาลทราย อบไฟ 18o องศาเซลเซียส พอสุกเหลืองเอาออกจากเตา ใช้เวลาอบประมาณ 20 - 25 นาที
เอาออกจากเตาทามาร์ภารีนบาง ๆ ให้ทั่ว

8.16.2553

เทคนิคการทำพัฟ เพสตรี้

เทคนิคการทำพัฟ เพสตรี้

• วิธีการผสมจะเหมือนการผสมแป้งขนมปัง แต่จะนวด พอไม่ให้แห้งติดมือ ไม่ต้องนวดจนแป้งนุ่มเหมือนแป้งขนมปัง
เพราะต้องคลึงแป้งหลายครั้ง ถ้านวดจนเนียนตั้งแต่แรก ระหว่าง คลีงจะทำให้แป้งอีกได้ง่าย ผิดไม่สวย

• หลังจากนวดจนแป้งได้ที่ดีแล้วจะพักไว้ประมาณ 30 นาที เพื่อให้แป้งคลายตัว

• ระหว่างการคลึงแป้งทุกครั้งต้องใช้แป้งนวล (แป้งสาลี ที่ใช้ทำ) ช่วยระวังอย่าให้แผ่นแป้งติด และก่อนพับแป้งแต่ละครั้ง
ต้องปัดแป้งนวลออกก่อน

• หลังจากพับแป้งแต่ละครั้ง ต้องพักแป้งนานประมาณ 15 นาทีก่อนคลึงครั้งต่อไป เพื่อให้แป้งคลายตัว มิฉะนั้นจะคลึง
ลำบาก และแป้งอาจฉีกได้ขณะคลึงแผ่นแป้ง

• เนยที่ใช้วางบนแผ่นแป้งก่อนพับ ควรใช้เพสตรี้มาร์การีน ซึ่งเป็นเนยที่มีจุดหลอมเหลวสูงระหว่างการคลึงแป้ง ไขมันจะได้ไม่
ไหลเยิ้ม ใช้เนยสดหรือมาร์การีนแทนก็ได้ แต่การคลึงจะลำบากขึ้น ระหว่างคลึงถ้าเนยเหลว ต้องแช่เย็นให้อยู่ตัวเสียก่อน

• การพับ 3 ทบ แบ่งแป้งที่คลังเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าแล้ว พับเป็น 3 ส่วน พับส่วนที่ 1 ลงบนส่วนที่ 3 แล้วพับส่วนที่ 3 ลงบน
ส่วนที่ 1 อีกครั้ง หลังจากนั้นพักแป้งนานประมาณ 15 นาที กลับอีก ด้าน แล้วคลึงแป้งออกเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดเท่าเดิม แล้วพับ
3 ทบเช่นเดิม ทำจนครบจำนวนครั้งที่ต้องการ คือ 3-4 ครั้ง หลังจาก พับแป้งแต่ละครั้ง ต้องพักให้แป้งคลายตัวก่อน

• เวลาคลึงแป้งจะต้องให้แผ่นแป้งมีความหนาสม่ำเสมอ และพยายามคลึงให้ขอบของแผ่นแป้งเป็นเสันตรง และมุมทั้งสี่เป็น
มุมฉาก เพื่อเวลาพับแป้งจะได้จำนวนชั้นเท่าๆกันทุกส่วน ทำให้การ ขึ้นของแผ่นแป้งสม่ำเสมอ ไม่เอียงไปด้านใดด้านหนึ่งทำให้เสียรูป
ทรงไป

• การทำรูปร่างพัฟ เพสตรี้ แป้งพัฟ เพสตรี้ สามารถนำ มาทำผลิตภัณฑ์ได้มากมายหลายชนิด โดยนำมาดัดแปลงเป็น
รูปร่างต่างๆ ตลอดจนการใส่ไส้คาว ไส้หวาน หรือผลไม้ต่างๆ

• การพักแป้งหลังจากพับครั้งสุดท้ายแล้ว ถ้าไม่มีเตาอบ อาจเก็บในตู้เย็นช่องธรรมดาโดยห่อด้วยพลาสติกหรือกระดาษไข
กันไม่ให้น้ำเข้า วิธีนี้จะเก็บแป้งไว้ได้นาน 2-3 วัน แต่ถ้าจะเก็บให้ไต้ นานขึ้น ควรแช่ในช่องแช่แข็ง เวลาจะใช้นำมาตั้งไว้ที่อุณหภูมิห้อง
ให้น้ำแข็งละลาย จึงคลึงเป็นแผ่นและทำรูปร่าง สำหรับแป้งพัฟที่ทำ รูปร่างเรียบร้อยแล้ว ไม่มีเวลาอบ ก็สามารถเก็บโดยวิธีนี้ได้

• การอบ ควรใช้อุณหภูมิ 180-200 องศาเซลเชียส เพื่อให้ ความร้อนเพียงพอที่จะทำให้น้ำในแป้งและชั้นเนยเดือดกลายเป็นไอ
แล้วดันให้แป้งแต่ละชั้นพองเป็นชั้นบางกรอบ ถ้าอุณหภูมิต่ำแป้งจะ พองตัวได้น้อย ไม่ขึ้นเป็นชั้น แต่ถ้าอุณหภูมิสูงเกินไป จะทำให้ผิว
นอกของพัฟสุกก่อน และแป้งไม่เป็นชั้น

8.11.2553

เค้กกาแฟ


เค้กกาแฟ
เค้กกาแฟ เป็นขนมเค้กในใจของคนชอบเค้กหลายๆคน วันนี้มาลองดูวิธีทำเค้กกาแฟกัน
ส่วนผสม
แป้งเค้ก ร่อน 1ครั้ง 2 1/2 ถ้วย
ไข่ไก่ (แยกไข่ขาว ไข่แดง) 3 ฟอง
กาแฟผงละเอียด 1/4 ถ้วย
เนย 1/2 ถ้วย
นมเปรี้ยว 1 /3 ถ้วย(ใส่น้ำส้มสายชู 1 ½ช้อนโต๊ะ)
น้ำตาลทรายป่น 1/3 ถ้วย
วานิลา 1 ช้อนชา
เบกกิ้งโซดา 1 /2 ช้อนชา
เกลือ 1 ช้อนชา

วิธีทำ
1. คนเนยกับน้ำตาลป่น 1 ถ้วยให้เข้ากันจนเป็นครีม
2.คนไข่แดงกับวานิลลาเข้าด้วยกันใส่ลงในครีม คน ให้เข้ากัน
3.ร่อนแป้ง เบกกิ้งโซดา เกลือ กาแฟ เข้าด้วยกัน ครั้ง ผสมแป้งลงในครีมสลับกับนมเปรี้ยวจนหมด
4.ตีไข่ขาวกับน้ำตาล 1/3 ถ้วย เข้าด้วยกันจนขื้นฟู ผสมลงในแป้ง คนเบาๆ พอเข้ากัน
5.ปูกระดาษไขลงในพิมพ์กลมขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง8 นิ้ว ทาไขมันบางๆให้ทั่วพิมพ์ ใส่ส่วนผสม อบไฟ 350องศาฟาเรนไฮต์ ใช้เวลานานประมาณ 45 นาที หรือเค้กกาแฟจนสุก

**เคล็ดลับ
เค้กกาแฟสูตรนี้ต้องใช้นมเปรี้้ยวเค้กจึงจะนุ่มและขึ้นฟูดี

8.05.2553

เทคนิคการทำพาย

การทำพาย
การทำพายนั้นมีเทคที่ควรรู้ดังนี้

• ในการผสมเปลือกพายทุกชนิด น้ำและเนยที่ใช้จะต้องเย็น จะทำให้เนยหุ้มเม็ดแป้งได้ดี ในขั้นตอนการผสมเนยกับแป้งให้เข้ากัน อย่าผสมนานเกินและอย่านวดนวดเด็ดขาด เพราะจะทำให้แป้งแน่นและแข็งเมื่อพายสุก

• อุปกรณ์ที่ใช้ในการผสมแป้งพายหวาน ใช้ได้ทั้งที่สับเนย ถ้าไม่มีก็ใช้ส้อมแทน หรือใช้มีด 2 อัน สับๆไปมาจนเข้ากันทั่วจนเข้ากับเนย ต้องผสมเนยกับแป้งให้เข้ากันจนมีลักษณะคล้ายเม็ดถั่วเขียว

• ให้พักก้อนแป้งพายในตู้เย็นช่องธรรมดานานประมาณ 30นาที เพื่อไม่ให้แป้งหดตัวกลับเวลารีดคลึงแป้งพาย

• ถาดหรือพิมพ์ที่ใส่พายไม่จำเป็นต้องทาเนย เนื่องจากในแป้งพายมีไขมันมากอยู่แล้ว เมื่ออบจนสุกจะกรอบและล่อนหลุดออกจากพิมพ์ได้โดยง่าย

• ถาดอบพายที่ทำด้วยอะลูมิเนียมด้านหรือทำด้วยแก้วจะใช้อบแป้งพายได้ผลดีกว่าถาดเพราะถาดที่ทำด้วยอะลูมิเนียมที่เป็นเงา เมื่ออบแล้วเปลือกแป้งพาย ชั้นล่างจะมีสีซีด

• การคลึงแป้งพาย ต้องคลึงให้มีขนาดกว้างกว่าพิมพ์พายเล็กน้อย นำแป้งพายไปกรุในพิมพ์ โดยใช้ส้อมหรือไม้ปลายแหลมเเทงก้นพิมพ์โดยเฉพาะตรงรอบๆมุมของก้นพิมพ์ เพื่อให้อากาศออกมา แล้วกรุแป้งพายตรงก้นพีมพ์ จะได้รูปตามพิมพ์สวยงาม จะทำให้แป้งพายไม่พองตัวเมื่ออบ

• ถ้าใช้พิมพ์ขนาดใหญ่ให้กรุแป้งพายด้วยการวางไม้คลึงแป้งลงบนแผ่นแป้งพาย แล้วม้วนแป้งให้พันรอบๆไม้คลึงแป้ง แล้วยกขึ้นนำไปวางบนพิมพ์พาย โดยให้อยู่ตรงกลางของพิมพ์ จึงคลี่แป้งพายออกคลุมพิมพ์ ใช้ปลายนิ้วมือกดแป้งลงในพิมพ์เพื่อไล่อากาศระหว่างพิมพ์และแผ่นแป้งออก อย่าดึงแป้งจนตึง เพราะอาจทาให้แป้งหดตัว แผ่นแป้งจะต้องติดแนบกับพิมพ์พายอย่างสนิท

• เวลาคลึงแป้งพายต้องคลึงออกจากตรงกลาง ค่อยๆคลึงออก อย่าคลึงไปมา จะทำให้แป้งเหนียวแน่น และอย่าโรยแป้งนวลมากเกินไป เพราะแป้งพายจะแข็ง ทำให้พายไม่กรอบร่วน

• ก่อนที่จะนำแป้งพายที่กรุลงพิมพ์เรียบร้อยแล้วเข้าเตาอบ ต้องรองด้วยกระดาษไข แล้วใส่ข้าวสารหรือถั่วเมล็ดแห้ง เพื่อกดทับไม่ให้เปลือกแป้งหวานพองตัวเวลาอบ

• ไส้พายต้องข้น เพื่อไม่ให้เปลือกพายนุ่ม ไม่กรอบ ใส่ไส้ในเปลือกแป้งพายที่เย็น ถ้าใส่ขณะร้อน จะทำให้ก้นพายจะแฉะและไม่น่ากิน

7.27.2553

สูตรเค้กชิฟฟ่อนส้ม


สูตรเค้กชิฟฟ่อนส้ม

ชิฟฟ่อนส้ม เป็นเค้กเนื้อนุ่มฟู หอมหวานครีมและกลิ่นส้มเปรี้ยวหวาน อร่อย เหมาะสำหรับกินเป็นอาหารว่าง หรือ กินกับชา กาแฟร้อนๆ อร่อยสบายท้อง

ส่วนผสมเค้กชิฟฟ่อน
แป้งเค้กร่อน 1 1/2 ถ้วย
ไข่ไก่ 4 ฟอง (แยกไข่เเดง และไข่ขาว)
น้ำส้มคั้นสดๆ 1/3 ถ้วย
เนยสดชนิดจืดสำหรับทาถาด
ผงฟู 1 ช้อนชา
น้ำมันพืช 1/4 ถ้วย
เกลือป่น /2 ช้อนชา
ส้มแกะกลีบ 1 ผล
กลิ่นส้ม 1 ช้อนชา
น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย
สีผสมอาหารสีส้ม 1/2 ช้อนชา
ครีมออฟทาร์ทาร์ 2 ช้อนชา
ถาดสี่เหลียมขนาดกว้าง 10 1/2 นิ้ว ยาว 14 นิ้ว สูง 1 นิ้ว
กระดาษไข

ส่วนผสมบัตเตอร์ครีมส้ม
เนยสดชนิดจืด พักให้นุ่ม 3/4 ก้อน
เนยขาว 1/4 ถ้วย
เกลือป่น 1/4 ช้อนซา
น้ำตาลไอซิ่งร่อน 1/2 ถ้วย
นมข้นจืด 1/3 ถ้วย
กลิ่นส้ม 1 1/2 ช้อนชา
สีผสมอาหารสีส้ม 1/2 ช้อนชา

วิธีทำ
1. เตรียมอุ่นเตาอบให้ร้อน ที่อุณหภูมิ 120 องศาเขลเชียส จากนั้นมาเตรียมถาดโดยทาเนยสดบางๆให้ทั่วถาด แล้วตัดกระดาษไขให้เท่ากับก้นถาดเพื่อปูรองถาด ปูกระดาษไขลงไป แล้วทาทับ ด้วยเนยสดบางๆอีกครั้งให้ทั่ว
2. มาร่อนแป้งเค้ก ผงฟู เกลือ เข้าด้วยกัน 2 ครั้ง ใส่ลงในอ่างผสม
3. ผสมไข่แดง น้ำมัน น้ำตาล น้ำส้ม กลิ่นสัม และสีผสมอาหารสีสัมด้วยตะกร้อจนเข้ากันในอ่างผสม จากนั้นค่อยๆใสแป้งที่ร่อนทีละน้อยตะล่อมด้วยตะกร้อให้เข้ากันทั่วจนหมดแป้ง พักไว้
4. ตีไข่ขาวกับครีมออฟทาร์ทาร์ในอ่างผสมด้วยเครื่องผสมอาหารใช้หัวตีตะกร้อตีด้วยความเร็วสูง จนไข่ขึ้นฟูเล็กน้อย ค่อยๆใส่น้ำตาลที่เหลือทีละน้อยจนหมด ตีจนไข่ขาวตั้งยอดแข็ง
ปิดเครื่อง ใช้พายยางตักไข่ขาวใส่ลงผสมในอ่างแป้งที่ทำไปทีละน้อย คนตะล่อมเบาๆด้วยตะกร้อไปทางเดียวกันให้เข้ากันอย่างรวดเร็ว จนไข่ขาวหมด
5. เทส่วนผสมเค้กใส่ลงในถาดที่เตรียมไว้ โดยให้ทำจากขอบถาดประมาณ 1 cm. แล้วไล่อากาศในเนื้อเค้กโดยใช้ช้อนคน 2-3 ครั้ง หรือยกถาดเคาะ เบาๆบนพื้นโต๊ะ 2-3 ครั้ง จึงใช้พายยางปาดหน้าเค้กให้เรียบเสมอกัน นำเข้าเตาอบที่อุ่นไว้ ปรับอุณหภูมิเป็น 60 องศาเซลเซียส อบนาน 10-15 นาที หรือจนเค้กสุก ยกออกจากเตาอบ พักนาน 5-10 นาที จึงคว่ำออกจากถาดลอกกระดาษไขออก วางพักบนตะแกรงจนเย็น
6. ขั้นตอนต่อไป ทำบัตเตอร์ครีมส้มโดยการตีเนยสด เนยขาว และเกลือ ในอ่างผสมด้วยเครื่องผสมอาหารใช้หัวตีใบพัดตีด้วยความเร็วสูง จนเคยขึ้นฟูเบาเป็นสีครีมนวล ค่อยๆใส่น้ำตาลไอชิ่งลงไปทีละน้อยจนหมด ตีจนขึ้นฟูเข้ากันเป็นครีมและน้ำตาลละลายหมด ค่อยๆรินนมข้นจืดใส่จนหมด ใส่กลิ่นส้มและสีผสมอาหาร ตีจนขึ้นฟูเบาเข้ากันเป็นครีม ปิดเครื่อง พักไว้
7. วิธีประกอบเค้กทำโดยตัดขอบเค้กออกด้านละ 1 cm. แล้วตัดแบ่งเป็น 2 ส่วนเท่าๆกัน โดยวางแผ่นเค้กบน

ตะแกรง ปาดบัตเตอร์ครีมสัมให้ทั่ว วางเนื้อส้มแกะกลีบให้ทั่ว ปาดบัตเตอร์ครีมสัมทับอีกครั้ง วางแผ่นเค้กที่เหลือลงด้านบน ประกบให้เสมอกัน

8. ตัดชิฟฟ่อนส้มเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมจัตุรัส จากนั้นใช้มีดตัดเค้กแบ่งครึ่งแบบทแยงมุมเป็น 2 ส่วน ทำจนครบทุกชิ้น จัดชิฟฟ่อนส้มที่ได้ใส่จาน เสิร์ฟได้ทันที

***หรืออาจจะดัดแปลงเป็นชิฟฟ่อนใบเตยก็ได้ ก็เปลี่ยนตรงน้ำส้มคั้น เป็นน้ำใบเตยคั้นแทนได้

7.21.2553

พายมะพร้าวอ่อน


พายมะพร้าวอ่อน
พายมะพร้าวอ่อน กรอบนอกนุ่มใน หอมกลิ่นมะพร้าวอ่อน เทคนิคอยู่ที่การเลือกมะพร้าวอ่อนพันธุ์น้ำหอม เนื้อหนา ตักเนื้อมะพร้าวออกจากลูกสดๆ แล้วขูดให้เป็นเส้นยาว ความสดของมะพร้าวอ่อน เมื่อถูกความร้อนจะส่งกลิ่นหอมมากยิ่งขึ้น เนื้อมะพร้าวจะนุ่มอร่อยลิ้น

ส่วนผสม
แป้งพายชั้น 1/2 ส่วน
ไข่ไก่ 1 ฟอง
มาร์การีน หรือเนยแบบจืด

ส่วนประกอบไส้มะพร้าวอ่อน
น้ำมะพร้าวอ่อน 1 ถ้วย
เนื้อมะพร้าวอ่อน ขูดเป็นเส้น 350 กรัม
แป้งข้าวโพด 1/4 ถ้วย
น้ำตาลทราย 1/3 ถ้วย
วานิลลา 2 ช้อนชา

วิธีทำ

1.มาทำไ่ส้มะพร้าวอ่อนกันก่อน โดยใส่น้ำมะพร้าวกับ น้ำตาลทรายลงในหม้อ ยกตั้ง
ไฟกลาง เคี่ยวให้พอน้ำตาลละลาย จากนั้นใส่เนื้อมะพร้าวอ่อนลงไป พอเดือดใส่แป้งข้าวโพดทีละลายกับน้ำแล้วลงไปในหม้อ คนด้วยดะกร้อให้เข้ากัน จากนั้นใส่วานิลลาลงไป คนๆๆให้ส่วนผสมเข้ากันดี และมีลักษณะข้น ปิดไฟ ตักใส่ชาม พักไว้ให้เย็น

2.อุ่นเตาอบที่อุณนภูมิ 150 องศาเซลเซียส เตรียมถาดโดยทามาการีนหรือเนยสดบางๆ ให้ทั่วถาด เตรียมไว้ วางแป้งพายลงบนพื้นที่โรยแป้้ง แล้วคลึงแป้งพายด้วยไม้คลึงแป้ง โดยคลึงแป้งจากตรงกลางออกให้เป็นแผ่นสี่เหลี่ยมจัดุรัส หนาประมาณ0.5 เซนติเมตร ตัดแป้งพายให้เป็นแผ่นสี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาด 3 นิ้ว ตักไส้มะพร้าวอ่อนใส่ลงไปตรงกลาง แล้วพับแป้งพายปิดเป็นชิ้นสี่เหลี่ยม กดริมแป้งพายให้ติดกัน ใช้ปลายส้อมกดให้แป้งพายปิดสนิท สวยงาม

4.วางเรียงกันไว้ในถาดที่เตรียมไว้ โดยวางแต่ละชิ้นให้ห่างกันประมาณ 3 นิ้ว ใช้พลาสิกคลุมถาดแป้งพาย พักแป้งทีอุณหภูมิห้องนานประมาณ 30 นาที

5.เมื่อครบ30 นาที ให้ใช้มีดปลายแหลมกรีดแป้งพายตรงกลางด้านให้เป็นลาย ไม่ต้องลึกมาก เพื่อดชว์ให้เห็นไส้มะพร้าวอ่อน จากนั้นทาด้วยไขไก่บางๆ จนทั่ว

6.นำแป้งพายเข้าเตาอบที่อุณหภูมิเป็น 170 องศาเซลเซียส อบนานประมาณ 15-20 นาที หรือจนแป้งพายด้านนอกเหลืองกรอบทั่ว ยกออกจากเตาอบ แซะออกจากถาด วางพักบนตะแกรงพออุ่น เสิร์ฟได้ทันที

7.13.2553

พายไก่ (Chiken Pie)


พายไก่ (Chinken Pie)
พายไก่เป็นหนึ่งในเบเกอรี่ยอดนิยมที่คนนิยมรับประทานกันมากๆอีกอย่าง เป็นเมนูที่ให้คุณค่า อิ่มอร่อยแทนอาหารที่จำเจของคุณได้ จะทานกับกาแฟเป็นอาหารว่างก็ได้ อิ่มง่ายๆสบายท้อง

การทำแป้งพาย
ใช้แป้งพายกรอบคลึงให้หนาประมาณ 1/2 ชม คลึงให้ใหญ่กว่าพึมพ์ประมาณ
1-1 1/2 Cm. ใส่ลงในพิมพ์ให้เต็ม แล้วจึงปิดหน้าด้วยแปังที่คลึงแล้ว แต่งขอบพายให้สวยงาม โดยวิธีจับขอบเป็นหยักให้รอใช้ส้อมกดพอเป็นรอยเจาะรูด้วยส้อมจากนั้นทาไข่ให้ทั่ว แล้ววางในถาดอบด้วยไฟ 180 องศาเซลเซียส จนสุกเหลือง จึงเอาแป้งพายออกจากพิมพ์

ส่วนผสมของไส้พาย

เนื้อไก่หั่นชิ้นเล็กๆ 1 ½ ถ้วย
มาร์การีน 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำสต้อกไภ่ 1 ½ ถ้วย
แปังสาลี 1/2 ช้อนโต๊ะ
ถั่วแขกหั่นสั้นๆ 10 ฝัก
พริกไทยป่น 1/4 ช้อนชา
หอมใหญ่หั่นสี่เหลี่ยมเล็กๆ 2 หัว
มันฝรั่งหั่นสี่เหลี่ยม 2 ถ้วย
แครอทหั่นสี่เหลี่ยม 2 ถ้วย
มาร์จอแรม ( Marjoram) 2 ช้อนชา
ซอสเปรี้ยว ½ ช้อนชา
ซอสแม็กกี้ 1 ช้อนชา
เกลือป่น 1 ช้อนชา


วีธีทำ
ผัดหอมใหญ่กับมาร์การีนให้หอม จากนั้นใส่ไก่ เกลือ พริกไทยป่น ซอสเปรี้ยว เเม็กกี้ซอส มาร์จอแรม ผัดต่อไปสักครู่ ใส่แครอท มันฝรัง ถั่วแขก ใส่แปัง
คนพอทั่วใส่น้ำสต้อกไก่ ตั้งไฟต่อเคี่ยวไปสักครู่ พอผักสุกข้นขลุกขลิก


**** Marjoram เป็นเครื่องเทศชนิดหนึ่ง เป็นพืชพวกเดียว
กับสาระแหน่ มีกลิ่น หอมหวาน หากไม่มี ใช้ออริกาโนแทนก็ได้

7.06.2553

ทาร์ตมะพร้าวไส้อ่อน


ทาร์ตไส้มะพร้าวอ่อน
มะพร้าว นำมาประกอบอาหารได้ทั้งหวานคาว มะพร้าวอ่อนนำมาทำขนมหวานรับประทานง่าย ๆ หลังอาหาร อย่างทาร์ตไส้มะพร้าวอ่อน ที่หอมหวานอร่อย


สวนผสม SUGAR PASTE

น้ำตาลทราย 500 กรัม
มาร์การีน 1,000 กรัม
ไข่ไก่ 2 ฟอง
แป้งสาลี 2,000 กรัม
ผิวมะนาว 1 ลูก

วิธีทำ
1.นำส่วนผสมทั้งหมดใส่ลงในอ่างผสม ตีด้วยหัวใบไม้ให้เข้ากัน พักไว้ก่อน
2.แบ่งส่วนผสม ออกมา 500 กรัม คลึงเป็นก้อน แล้วรีดออกให้มีความหนาประมาณ 1/2 เซนติเมตร กรุลงในพิมพ์ทาร์ตแบบ ถ้วย ให้เต็มพิมพ์ พักไว้ก่อน

ส่วนผสมไส้ทาร์ตมะพร้าวอ่อน

น้ำตาลทราย 80 กรัม
วิปปี้งครีมสำเร็จรูป 500 กรัม
แป้งข้าวโพด 20 กรัม
กลิ่นวานิลลา า ช้อนชา
มะพร้าวอ่อนหั่นสี่หลี่ยมลูกเต๋า 300 กรัม
ไข่แดง 7 ฟอง

วิธีทำ
1. คนนำตาล กับวิปปิ้งครีม เข้าด้วยกัน (อย่าคนนาน) ใส่ไข่แดงลงไปแล้วคนพอทั่ว ใส่แป้งข้าวโพด กลิ่นวานิลลา คนให้เข้ากัน กรองส่วนผสมที่ได้ด้วยกระชอน

2. นำพิมพ์ทาร์ตที่กรุด้วย SUGAR PASTE ที่เตรียมไว้ตักเนื้อมะพร้าวอ่อนใส่ลงไปในพิมพ์ละประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ ตักส่วนผสมในข้อที่ 1. หยอดลงไป ให้เต็ม แล้ววางบนถาด นำเขาอบที่อุณหภูมิ 6o องศาเซลเซียส นานประมาณ 20-25 นาที หรือจนสุกเหลือง เอาออกจากเตา พักไว้จนเย็นเอาออก
จากพึมพ์ แล้วจึงจัดลงในกระทงกระดาษให้สวยงาม เป็นอันเสร็จได้ทาร์ตมะพร้าวอ่อนที่หอมนุ่มน่ากิน

6.29.2553

เทคนิคการทำเค้ก


เค้ก
เค้กแบ่งออกเป็น 3 ชนิด ตามส่วนผสมและวิธีการทำที่แตกต่างกัน ดังนี้

1.เค้กเนย (butter cake)

คือ เค้กที่มีปริมาณหรือเปอร์เช็นต์ของ ไขมันสูง การขื้นฟูของเค้กเกิดจากการตีเนยเป็นหลัก ขั้นตอนสำคัญ
อยู่ที่การตีเนยกับน้ำตาลให้เป็นครีมก่อน แล้วใส่ไข่ แป้ง นม ตาม
ขั้นตอน เช่น เค้กเนย เค้กผลไม้ เค้กช็อกโกแลต เป็นต้น

2.เค้กไข่ (foam cake)

คือ เค้กที่ขื้นฟูด้วยการตีไข่กับน้ำตาล ไม่มี ไขมันเป็นส่วนผสม การทำเค้กไข่ควรทำด้วยความระมัดระวัง เพราะ ฟองไข่ที่เกิดจากการตีไม่แข็งแรงเหมือนเค้กเนยที่มีไขมันเป็นหลัก
เข่น แยมโรล ขนมไข่ สปันจ์เค้ก แองเจิ้ลฟู้ดเค้ก เป็นต้น

3.ชิฟฟอนเค้ก (chiffon cake)

คือ เค้กที่มีลักษณะของเค้กเนย และเค้กไข่รวมกัน คือ เนื้อเค้กละเอียดเหมือนเค้กไข่ และมีเนื้อเค้กที่ มันเงาหมือนเค้กเนย ต่างจากเค้กเนยตรงใช้น้ำมันพืชแทนเนยหรือ เค้กมีลักษณะเบาและนุ่มมาก เช่น ชิฟฟอนเค้กใบเตย เป็นต้น

เทคนิคการทำเค้ก


* ควรปูกระดาษไขให้พอดีก้นพิมพ์หรือถาด แล้วจึงทาไขมันอย่างมาร์การีนหรือเนยสดชนิดจืดบางๆ ให้ทั่ว เนยสดจะช่วยให้เค้กมีสีสวยและกลิ่นหอม ไม่ควรใช้เนยสดชนิดเค็ม เพราะจะทำให้เค้กไหม้
* เนยสดต้องหั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยม แช่ตู้เย็น เมื่อจะใช้ให้วางในอุณหภูมิห้องจนอ่อนตัวเล็กน้อย ตีขณะเนยเย็นตัว จะทำให้เนยขึ้นฟูและเบาดี
* ตีเนยกับน้ำตาลจนเป็นเนื้อเดียวกันและน้ำตาลละลายเป็นครีมก่อนจึงใส่ไข่ เนื้อเค้กจะละเอียดนุ่ม ไม่หยาบ ระวังอย่าตีส่วนส่วนผสมเหลว ถ้าเหลวให้รองก้นอ่างผสมด้วยน้ำแข็ง หรือนำไปแช่เย็นเพื่อให้เนยอยู่ตัวก่อนจึงตีต่อ เนยก็จะขึ้นฟูเช่นเดิม
* ใส่ไข่ลงในเนยที่ตีกับน้ำตาล ตีต่อจนส่วนผสมเข้ากันทั่ว อย่าตีนาน เพราะจะทำให้ส่วนผสมแยกชั้น ถ้าแยกชั้นต้องรีบใส่แป้งทันที
* ช่วงสุดท้ายใส่แป้งที่ร่อนสลับกับนมหรือน้ำ การใส่แป้งต้องใส่สลับกับของเหลว คือ แป้ง 3 ส่วน นม 2 ส่วน เริ่มด้วยแป้งแล้วจบด้วยแป้ง ถ้าใส่นมหมดในครั้งเดียว ไขมันก็จะแยกตัวออกจากส่วนผสม ทำให้เค้กไม่ขึ้นฟูเท่าที่ควร
* การผสมเค้กในขั้นตอนสุดท้ายระหว่างแป้งกับนม ใช้พายยางหรือตะกร้อผสมด้วยการตะล่อมเบาๆจนเข้ากันทั่ว ข้อสำคัญต้องคนจนถึงก้นอ่างผสม หรือใช้มือผสมก็ได้ ผสมอย่าง เบามือพร้อมกับปาดกวาดส่วนผสมที่ขอบอ่างมาด้วย หรือถ้าผสม ด้วยเครื่องให้ใช้ความเร็วต่ำสุด อย่าตีนานเพราะส่วนผสมแป้งจะ
เหนียว เมื่ออบสุกเนื้อเค้กจะแน่น
* ควรใส่ส่วนผสมเค้กลงในพิมพ์ประมาณ 3/4 ของพิมพ์ สปันจ์เค้กควรเทส่วนผสมประมาณ่ 1/2 ของพิมพ์หรือกว่าครึ่ง เล็กน้อย เนื่องจากสปันจ์เค้กจะขึ้นฟูเป็นเท่าตัวเมื่อสุก แล้วนำเข้า อบทันที ถ้าทิ้งไว้นานเกินเนื้อเค้กจะหยาบเมื่อสุก
* ชิฟฟอนเค้กควรตีด้วยความเร็วสูงจนไขขาวเริ่มตั้งยอด อ่อน จึงใส่น้ำตาล แล้วตีต่อจนไข่ขาวตั้งยอด ข้อควรระวังในการตีไข ขาว อุปกรณ์เครื่องใช้ เช่น อ่างผสม ที่ตี ต้องสะอาดและแห้งสนิท ไม่มีไขมันหรือไข่แดงปน เพราะไขมันทำให้ไข่ขาวตีไม่ขึ้นฟู

* การตีไข่ขาวจะต้องตีด้วยความเร็วสูง เพื่อให้ไข่ขาวขึ้น ได้ดีที่สุด ภาชนะที่ใช้ในการตีไข่ขาวควรเป็นแก้วหรือสเตนเลส เท่านั้น ถ้าตีในภาชนะที่เป็นพลาสติก ไข่ขาวจะตีไม่ขึ้นเท่าที่ควร การตีไข่ขาวถ้าตีมากเกีนไปจนตั้งยอดแข็ง เค้กที่อบออกมาจะมี ลักษณะเนื้อหยาบ มีฟองอากาศใหญ่ และแห้ง
* ชิฟฟอนเค้ก ผสมไข่แดงกับสวนผสมอื่นๆ ได้แก่ แป้ง น้ำตาล ผงฟู เกลือ น้ำมันพืช และน้ำหรือน้ำผลไม้ ผสมให้เข้ากันจน เนื้อเนียนไม่จับตัวเป็นเม็ด ถ้าเป็นเม็ดควรกรองผ่านตะแกรง แป้ง เป็นเม็ดจะทำให้เด็กที่ได้มีลักษณะของเม็ดแป้งอยู่ในเค้กเมื่ออบสุก
* ชิฟฟอนเค้ก ตีไข่ขาวกับน้ำตาลอีกส่วนหนึ่งจนเป็น ฟองขาวแข็งตัวแต่ไม่แห้ง แล้วค่อยๆเทljวนผสมไข่แดงลงในไข่ขาว ที่ตีได้ หรือเทไข่ขาวที่ตีลงในสวนผสมไข่แดง คนตะล่อมเบาๆจน เข้ากันดี ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญ ต้องผสมเบาๆด้วยมือ หรือถ้าใช้ เครื่องผสมก็ต้องใช้ความเร็วต่ำสุด
* ในขั้นตอนของการผสมแป้งกับไข่ขาว ควรผสมให้เร็วที่สุด ใช้เวลาน้อยที่สุด เพื่อให้เค้กที่อบออกมามีปริมาณมากและเนื้อเค้กขึ้นฟูดี
* การตีไข่ ถ้าตีไข่ระยะเวลาอันสั้น ฟองที่เกิดขึ้นจะไม่มีความคงตัว ถ้าเพิ่มเวลาในการตีไข่ให้ถึงจุดพอดี ความคงตัวจะเพิ่มขึ้น แต่ถ้าตีเกินจุดพอดี จะทำให้ความคงตัวของฟองลดลงได้
* การอบเค้กต้องจุดเตาอบให้อุณหภูมิของเตาอบได้ตามที่ตำรับกำหนด
* ขณะอบขนมไม่ควนเปิดเตาอบดูเค้กบ่อยๆ เพราะการเปิดเตาอบแต่ละครั้งจะทำให้อุณหภูมิในเตาอบลดลง เค้กจะยุบตัวถ้าเป็นระยะที่เนื้อเค้กยังไม่สุก
*ขณะอบขนมไม่ควรเปิดเตาอบดูเค้กบ่อยๆ เพราะการเปิดเตาอบแต่ละครั้งจะทำให้อุณหภูมิลดลง เค้กจะยุบตัวถ้าเป็นระยะที่เนื้อเค้กยังไม่สุก
* วางพิมพ์เค้กให้อยู่กลางเตาอบมากที่สุด
* การทดสอบหรือดูว่าเค้กอบสุกหรือยัง ให้ใช้ไม้ปลายแหลมจิ้มกลางขนม ถ้าเนื้อเค้กไม่ติดไม้ออกมาแสดงว่าสุกแล้ว
* ถ้าจะแต่งหน้าเค้กให้กลับเอาด้านล่างขึ้นและใช้แปรงปัดเศษขนมออกให้หมดก่อนแล้วลงมือแต่ง ครีมจึงติดดีไม่มีเนื้อเค้กปน
* เมื่ออบขนมาแล้วให้คว่ำออกจากพิมพ์ แล้วลอกกระดาษไขออก อย่าให้ทิ้งไว้นาน เพราะกระดาษไขที่รองก้นพิมพ์เค้กจะอุ้มความชื้นของไอน้ำ ทำให้เนื้อเค้กที่ก้นพิมพ์แฉะ และลอกกระดาษไขออกยาก
* เค้กต้องอบจนสุกจริงๆ จึงนำออกจากเตาอบ ถ้านำออกก่อนเค้กสุก เค้กจะยุบตรงกลาง
* แยมโรลเอาออกจากพิมพ์แล้วม้วนทันที คลี่ขนมลงในผ้าขาวบางหรือบนกระดาษไขแล้วม้วน จะช่วยให้ม้วนโรลได้แน่น

6.21.2553

คุกกี้


คุกกี้
คุกกี้เป็นขนมอบกรอบอร่อยที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก คนไทยเรารับวัฒนธรรมตะวันตกเข้ามาและต่อยอดได้อย่างลงตัว
จนเห็นว่าขนมคุ้กกี้พบเห็นได้ทั่วๆไป คุกกี้มีมากมายหลายชนิด
คุกกี้สามารถแบ่งออกเป็น 5 ชนิด
1. คุกกี้หยอด (dropped cookies)
เป็นคุกกี้ที่ทำง่าย อบง่าย มีชื่อตามส่วนผสมของคุกกี้มีลักษณะเหลวตักหยอดได้ เมื่ออบแล้วจะเป็นก้อนกลม หรือแผ่นบางกรอบร่วน
มีส่วนผสมหรือเครื่องปรุงรส เช่น คุกกี้เนย คุกกี้ถั่ว คุกกี้กาแฟ ฯลฯ

2. คุกกี้คลึง (roll cookies)
คุกกี้ชนิดจะแห้งและแข็งกว่าคุกกี้ชนิดอื่นๆ ถ้าเเป้งนุ่มจะคลึงยาก คุกกี้คลึงสามารถทำเป็นรูปร่างได้หลายแบบหลายลักษณะ โดยการคลึงแล้วตัดด้วยพิมพ์คุกกี้
เช่น บิสกิต คุกกี้มะนาว คุกกี้น้ำตาล เป็นต้น

3. คุกกี้หั่นหรือแช่แข็ง (sliced or rekrigerated cookies)
คุกกี้ที่ต้องนำมาคลึงเป็นแท่งกลมหรือสี่เหลี่ยม แล้วห่อด้วยแผ่นพลาสติกหรือกระดาษไข จากนั้นนำไปแช่ในตู้เย็นให้ส่วนผสมแข็งตัวก่อนจะนำมาหั่นเป็นชิ้นหนา
เช่น คุกกี้ผลไม้ คุกกี้แฟนซี คุกกี้ชีส เป็นต้น

4. คุกกี้กด (pressed cookies)
คุกกี้ชนิดใช้พิมพ์กดเป็นรูปร่างต่างๆ โดยใช้กระบอกสำหรับกดคุกกี้ คุกกี้ชนิดนี้ จะมีส่วนผสมของไขมันมากกว่าคุกกี้ชนิดอื่นๆ เช่น คุกกี้กาแฟ คุกกี้แยม เป็นต้น

5. คุกกี้แท่งหรือคุกกี้บาร์ (bar cookies)
คุกกี้ขนิดนึ้ตัดเป็นรูปแท่ง มีลักษณะอยผสมา้นคือ เนื้อเค้ก อบในถาดอบก้นตื้น เมื่ออบสุกจะนำมาตัดเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมรูปแท่ง
เป็นคุกกี้ชนิดที่มีความอ่อนตัว มีดวามชุ่มฉ่ำ เช่น บราวนี่ พีนัทสไลซ์ บาร์อัลมอนต์ เป็นต้น


เทคนิคการทำคุกกี้

1.ถาดที่จะใช้อบคุกกี้ควรเป้นถาดก้นตื้นหรือไม่มีขอบเพราะจะทำให้ สามารถแซะคุกกี้ออกจากถาดได้ง่ายๆ
2.อุณภูมิของเตาอบที่จะใช้อบคุกกี้ มีความสำคัญถ้าอุณหภูมิไม่ถึงจะทำให้แผ่นคุกกี้มีรุปทรงไม่สวยเพราะอยู่ในเตาอบนานเกินไป
3.การอบคุกกี้ที่มีส่วนผสมของน้ำตาลและไขมันสูงๆ จะต้องใช้อุณหภูมิที่ต่ำกว่าคุกกี้ทั่วๆไป
4.ในการทำคุกกี้ โดยทั่วไปจะต้องทาถาดด้วยไขมันก่อนหยอดคุกกี้ แต่ในกรณีที่เป็นคุกกี้ที่มีส่วนประกอบของไขมัน หรือเนยที่สูง อย่างคุกกี้เนย ไม่ต้องทาถาดหนาๆก็ได้
5.การหยอดหรือบีบคุกกี้ ต้องสังเกตุส่วนผสมก่อนว่าได้ที่หรือยัง ส่วนผสมต้องไม่แห้งหรือเหลวเกินไป หากเลวเวลาหยอดแผ่นคุกกี้จะแบนราบไม่สวย หากแห้งเกินไปก็จะกดหรือบีบไม่ออก

6.08.2553

พายแอปเปิ้ล



พายแอปเปิ้ล (Apple Pie)
พายแอปเปิ้ลรสชาติ อร่อยที่หลายๆคนติดใจ

ส่วนผสม
ไข่ไก่ 1 ฟอง
แปังสาลี 50o กรัม
มาร์การีน 25o กรัม
น้ำตาลทรายเม็กใหญ่ 15o กรัม
ผสมทั้งหมดเข้าด้วยกันด้วยหัวใบไม้ให้เข้ากัน พักไว้ในตู้เย็น

ส่วนผสมไส้พายแอปเปิ้ล
แอปเป็้ลเขียว 5 ลูก
ลูกเกดแช่น้ำแล้วบีบให้ปห้ง 100 กรัม
น้ำตาสทราย 100 กรัม
แปังข้าวโพด 10กรัม
เกลือ 2 กรัม
อบเชยป่น 5 กรัม
น้ำมะนาว 1 ลูก
ผิวมะนาว 1 ลูก
มาร์การีน100 0รัม


วิธีการทำ
1. ล้างแอปเปิ้ลแล้ว ปอกเปลือกเอาไส้ออก แล้วหั่นบาง ๆ ใส่ลงในอ่าง เติมน้าตาล เกลืออบเชย มาการ์รีนเค้ก ละลาย ลูกเกด แปังข้าวโพด
น้ำมะนาว ผิวมะนาว จากนั้นคลุกเคล้าส่วนผสมต่างๆให้เข้ากัน
2. คลืง sugar past หนาประมาณ 1/2 ซม. กรูลงในพิมพ์ฟรอยด์ ตักส่วนผสมข้อที่1. ลงให้เต็มพอดี คลึง sugar past หนาประมาณ 1/2 ซม.ปิดหน้า แล้วทาไข่ให้ทั่วใช้สอมทำเป็นลาย เจาะเป็นรู
3. วางลงในถาดอบโรยหน้าด้วยน้ำตาลทรายเม็ดใหญ่ อบไฟ 18o องศาเซลเซียส ใช้เวลาประมาณ 25 นาที
จนสุกเหลือง เอาออกจากเตาโรยด้วยน้ำตาลไอซิ่ง พร้อมรับประทานร้อนๆ

6.01.2553

เค้กแครอท ฟักทอง (Pupmkin Carot Cake)


เค้กแครอท ฟักทอง (Pupmkin Carot Cake)
แครอทและฟักทองเป็นพืชที่มีสารเบต้าแคโรทีนสูง มีประโยชน์มากมายต่อร่างกาย

ส่วนผสม
แปังสาลีเอนกประสงค์ 200 กรัม
ผงฟู 10 กรัม
เบ้กกิ้งโซดา 3 กรัม
เกลืป่น 1 กรัม
ไข่ไก่ 3 ฟอง
วอลนัท สับหยาบๆ 100 กรัม
ผิวส้มเขียวหวานหั่นละเอียด 1/2 ลูก
น้ำตาลทราย 150 กรัม
แครอทดิบไส 100 กรัม
ฟักทองดิบไส 200 กรัม
น้ำมันพืช ุ150 กรัม
นมข้นจืด 6o กรัม
วานิลลาน้ำ 5 กรัม

วิธีทำ Pupmkin Carot Cake
1. ร่อนแปัง เบ้กกิ้งโซดา ผงฟู และเกลือเข้าด้วยกัน
2. ตอกไข่ไก่ และคนไข่ไก่เข้าด้วยหัวตะกร้อ ใส่ผิวส้ม ใส่น้ำตาลทรายคนเข้าด้วยกัน
ใส่น้ำมันพืช ใส่นมข้นจืดคนให้ทั่ว ใส่แครอท ฟักทอง คนด้วยหัวตะกร้อเข้าด้วยกัน
3. ใส่แปัง วอลนัทเคล้าให้เข้ากันด้วยมือ
4. ปูพิมพ์สี่เหลี่ยม า 1ox1ox1.5 นิ้ว ทาไขมันบาง ๆ ให้ทั่ว เทส่วนผสม ใส่ลงไปในพิมพ์ อบด้วยไฟ 18o องศาเซลเซียส ประมาณ 20 - 25 นาที ให้สุกเหลือง
เอาออกจากเตา เอาขนมออกจากถาดตัดเป็นชิ้นยาวดามพิมพ์กว้าง 2 นิ้ว แต่งหน้าโดยไอซิ่งใส่หน้าลงในกรวยบีบให้เป็นเส้นทะแยง หรือ
ราดบนเค้กให้ทั่วปาดด้วยที่ปาดให้เรียบ ตัดชิ้นขนาดตามตัองการแต่งหน้าด้วยเม็ดมะม่วงหิมพานต์ ผ่าซีกให้สวยงาม

ส่วนผสมหน้าไอซิ่ง

น้ำตาลไอชิ่ง 25o กรัม
มาร์การีนตราโอลิมปิคเค้กโกลด์ 20 กรัม
น้ำส้มคั้นสด ๆ หรือซันควิก 30 กรัม
กลิ่นส้ม 1 ช้อนชา
น้ำ 3o กรัม

ผสมน้ำกับน้ำตาลไอซิ่งเข้าด้วยกันค่อย ๆ ใส่น้ำทีละน้อย คนให้เข้ากันใส่น้ำส้มคั้นคนให้เข้ากันเร็ว ๆ ใส่กลิ่นส้ม คนให้ทั่ว ใส่มาร์การีนนำไปตั้ง
ไฟพอมาร์การีนตราโอลิมปิคเค้กโกลด์ละลายคอยคนตลอดเวลา ยกลง เสร็จ