10.21.2554
สิ่งที่ควรพัฒนาทางด้านการตลาดสำหรับธุรกิจเบเกอรี่
10.17.2554
เงินลงทุนโดยประมาณสำหรับธุรกิจเบเกอรี่
10.13.2554
การเตรียมความพร้อมก่อนลงทุนในธุรกิจเบเกอรี่
10.09.2554
รูปแบบของการทำธุรกิจเบเกอรี่
9.16.2554
ตลาดเบเกอรี่
1. ตลาดเบเกอรี่ระดับบน มักเป็นเบเกอรี่ที่มีราคาแพง มักขายในห้างสรรพสินค้า เน้นความสวยงามของสินค้าและบรรจุภัณฑ์ เป็นสินค้ามียี่ห้อ กลุ่มเป้าหมายมักเป็น นักเรียน นักศึกษา คนทำงาน คนที่ชอบเดินตามห้าง ราคาเบเกอรี่มักจะแพง ราคาอยู่ที่ 30-60 บาท สินค้าที่อยู่ในตลาดระดับบน ส่วนมากมั้กมีช่องทางการจำหน่ายเป็นหลักแหล่ง นอกจากห้างแล้ว ยังมักมีช๊อปเป็นของตนเอง ลูกค้าเมื่อต้องการสินค้าก็จะเดินเข้าไปซื้อเอง ด้านการประชาสัมพันธ์ ไม่จำเป็นต้องประชาสัมพันธ์มากเพราะว่าผ่านขั้นตอนการสร้างแบรนด์จนเป็นที่รู้จักแล้ว แต่สิ่งที่ตลาดระดับบนมักทำ อาจจะเป็นการจัดโปรโมชั่นต่างๆ ตามวาระเพื่อกระตุ้นยอดขาย
2. ตลาดเบเกอรี่ระดับกลาง ราคาอาจถูกลงจนเหมาะกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่ชอบรับประทานเบเกอรี่แต่ไม่ได้มีกำลังซื้อมากนัก คุณภาพก็ไม่ได้ด้อยกว่า เพียงแต่อาจไม่ได้เน้นวางขายในพื้นที่ของห้างหรือเน้นความสวยงามหรูหรามากเท่าเบเกอรี่ในตลาดระดับบน มักกระจายสินค้าไปตามพื้นที่อื่นๆ รวมทั้งในร้านอาหาร ร้านกาแฟ ราคาขายอยู่ที่ประมาณ 20 - 40 บาทด้วยศักยภาพและปริมาณการซื้อของกลุ่มเป้าหมายที่กระจายอยู่ทั่วไป จึงทำให้ช่องทางการกระจายสินค้าสามารถทำได้อย่างครอบคลุมแเละหลากหลายมากขึ้น เช่น ฝากขายตามร้านของฝากของที่ระลึก ร้านเครื่องดื่ม มินิมาร์ต หรือหากต้องการขยายช่องทางเพิ่ม
ขึ้นผู้ผลิตเองอาจมองหากลุ่มลูกค้าประเภทรับจัดเลี้ยง โรงแรมด้วยก็ได้ โดยอาจเข้าไปเสนอตัวอย่างสินค้าในฐานะซัปพลายเออร์ด้านขนม ก็เป็นอีกช่องทางหนึ่งที่หากเริ่มต้นได้ ลักษณะพฤติกรรมของผู้บริโภคในตลาดระดับนี้ คือ ชอบขนมอร่อย ราคาไม่แพงเกินไป ดังนั้นหากคุณสามารถทำขนมให้มีรสชาติอร่อยถูกปากได้แล้ว กลุ่มลูกค้าก็เกิดขึ้นได้ไม่ยากเช่นกัน
3. ตลาดเบเกอรี่ระดับล่าง สำหรับเบเกอรี่ที่จัดอยู่ในระดับล่างมักไม่ได้เน้นตราสินค้า บางรายอาจเพียงแค่ใส่ขนมลงในถุงพลาสติกแล้วติดป้ายราคาไว้เท่านั้น หรือก็มีบ้างสำหรับตราสินค้าและเบอร์โทรศัพท์ที่แนบไว้ มักวางขายทั่วไปตั้งแต่ในร้านขายของชำไปจนกระทั่งร้านค้าเล็กๆ ตามท่ารถโดยสาร ราคาไม่แพงเพราะอาจใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพ ด้อยลงมาเล็กน้อย โดยทั่วไปราคาจะอยู่ที่ประมาณ 10 - 30 บาทลักษณะการซื้อขายของสินค้าในตลาดนี้อยู่ที่การเน้นขายจำนวนครั้งละมากๆ มีประเภทของขนมให้เลือกไม่มากนัก เนื่องจากข้อจำกัดเรื่องต้นทุนสินค้า ดังนั้นแนวทางการจึงไม่ได้เน้นที่ความหวือหวานหรือสวยงามของรูปร่างหน้าตา หรือความแปลกใหม่ แต่สุดท้ายแล้วผู้ที่คิดจะอยู่ในตลาดนี้ ควรมุ่งเน้นสร้างความพอใจในเชิงปริมาณ และราคาการต่อรองไปยังกลุ่มลูกค้าที่คิดไว้ เช่น ร้านขายส่งทั่วไป
9.12.2554
เบเกอรี่สูตรเค้กกาแฟ
8.28.2554
เบเกอรี่สูตรเค้กช็อกโกแลตนมเปรี้ยว
8.26.2554
เบเกอรี่สูตรเค้กไข่ขาว
8.19.2554
เยลโล่เดซี่เค้ก
8.07.2554
ยีสต์เค้ก
การทำยีสต์เค้กนั้นมีเคล็ดลับนิดหน่อยคือ ส่วนผสมนม เนย น้ำตาลต้องอุ่นจึงใส่แป้งและยีสต์ได้ ถ้าส่วนผสมนม เนย น้ำตาลร้อน แป้งจะสุกและยีสต์จะตายเมี่อยีสต์ตายขนมจะไม่ขึ้น ทำให้ขนมด้านไม่น่ารับประทาน
ส่วนผสมของยีสต์เค้ก
เนย 1 ถ้วย
ยีสต์ผงละเอียด (lnstant yeast) 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 3/4 ถ้วย
นม 1 ถ้วย
ไข่ตีเข้ากัน 4 ฟอง
แป้งสาลีอเนกประสงค์ร่อน 1 ครั้ง 2 ถ้วย
เกลือ ¼ ช้อนชา
ลูกเกด 1 ถ้วย
ถั่วลิสงคั่วหั่นหยาบ 1 /8 ถ้วย
น้ำดาลไอซิ่งร่อน 1 ครั้ง 2 ช้อนโต๊ะ
นมข้นจืด 2 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำยีสต์เค้ก
1.ละลายเนย นม น้ำตาล เกลือเข้าด้วยกัน โดยตั้งไฟพอน้ำตาลละลาย ยกลงปล่อยให้อุ่น ใส่เเป้ง 1 ถ้วย ใส่ ยีสต์คนพอทั่ว ใส่ไข่ ใส่แป้งที่เหลือทีละ 2-3 ช้อนโต๊ะสลับกับลูกเกิดและถั่วจนหมด คนให้เข้ากันปล่อยให้ขึ้นประมาณครึ่งชั่วใมง (แป้งจะฟื้นฟูเป็น 2 เท่าตัว ลักษณะของแป้งค่อนข้างนุ่มเหลวติดมือ) คนไล่อากาศ 2. เทขนมลงในพิมพ์ขนมปังที่ทาไขมัน ปล่อยให้ขึ้นอีกประมาณ 20 นาที ทาหน้าขนมด้วยนมข้นจืดให้ทั่ว
อบไฟ 350 องคาฟาเรนไฮต์ ประมาณ 40 นาที หรือจนกว่าขนมจะสุกเป็นสีเหลืองทอง เอาออกจากเตาใช้ที่แซะ แชะขนมโดยรอบพิมพ์ ปล่อยให้เย็น 10 นาที จึงคว่ำพิมพ์ขนมลง เอาขนมออกจากพิมพ์หงายหน้าขึ้นโรยน้ำตาลไอซิ่ง เพียงเท่านี้ก็จะได้ยีสต์เค้กที่อร่อยน่ารับประทานกับน้ำชา หรือกาแฟ
8.05.2554
เค้กผลไม้
เค้กผลไม้เป็นเค้กที่ใช้ผลไม้เชื่อมมาเป็นส่วนผสมที่ทำให้เค้กมีความแปลกใหม่ และผลไม้เชื่อมที่จะนำมาทำเค้กผลไม้นั้นก็สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามใจผู้ทำ
ส่วนผสมของเค้กผลไม้
1. แป้งสาลีอเนกประสงค์ร่อน 1 ครั้ง 3 ถ้วย
2.ผงฟู 1 ช้อนโต๊ะ
3.อบเชยป่น 1/2 ช้อนชา
4.เกลือ 1/2 ช้อนชา
5.เนย 2/3 ถ้วย
6.น้ำผื้ง 1 1/2 ถ้วย
7.ไข่ 3 ฟอง
8.น้ำส้มคั้น 1/2 ถ้วย
9.กล้วยตากหั่นสี่เหลี่ยมเล็ก 1/2 ถ้วย
10.มะตูมเชื่อมหั่นชิ้นเล็ก 1/2 ถ้วย
11.ฟักเชื่อมหั่นชิ้นเล็ก 1/2 ถ้วย
12.เชอร์รี่เชื่อมหั่นบาง 1/4 ถ้วย
13.อัลมอนด์หั่นหยาบ 1/4 ถ้วย
14.ลูกเกด 1/2 ถ้วย
วิธีทำเค้กผลไม้
2. ผสมผลไม้ทั้งหมดและอัลมอนด์เข้าด้วยกัน แล้วคลุกกับแป้งโดยแบ่งออกมา 1/4 ถ้วย
3. คนเนยกับน้ำผึ้งให้เข้ากันโดยวิธีค่อย ๆรินน้ำผึ้งลงในเนย
4. ต่อยไข่คนให้เข้ากัน ใส่ลงไปในเนย คนให้เข้ากัน
5. ค่อยๆใส่แป้งลงในเนยสลับกับผลไม้และน้ำส้มคั้นคนให้เข้ากัน
6. ใช้กระดาษไขรองก้นพิมพ์ขนมปัง (พิมพ์สี่เหลี่ยม 4x6 นิ้ว) ทาไขมันบาง ๆให้ทั่ว ตักขนมใส่ 1/2 ของพิมพ์ ปาดตรงกลางให้เป็นแอ่ง แต่งหน้าด้วยลูกเกดและเชอร์รี่สีแดง อบไฟ 350 องศาฟาเรนไฮต์ ประมาณ 40 นาที หรือจนสุกเหลือง เมื่อสุกเอาออกจากพิมพ์เอากระดาษไขรองก้นพิมพ์ออก วางบนตะแกรงพักจนเย็น ห่อด้วยอะลูมินั่มฟอยล์ ควรจะทิ้งไว้สัก 3-5 วัน จึงจะอร่อย ขนมจะเหนียว เนื่องจากน้ำตาลจากผลไม้และน้ำผึ้งจะเยิ้มออกมา ทำให้ขนมเหนียว ไม่ร่วน เมื่อตัดเป็นชิ้นๆ
7.เสิร์ฟเค้กผลไม้กับชาหรือกาแฟ
3.17.2554
เค้กสับปะรด
เค้กปอนด์
3.16.2554
เค้กเนย
3.07.2554
ครีมโรลวานิลลา
ครีมโรลวานิลลา มีลักษณะพิเศษคือจะเป็นเค้กที่ม้วนเป็นวง ซึ่งการม้วนขนมนั้นต้องม้วนทันทีที่ขนมออกจากเตา เพื่อไม่ให้แตก ม้วนพออยู่ตัวทิ้งไว้สักครู่ แล้วจึงเอาผ้าขาวบางที่ม้วนออกให้หลวมๆ เพราะถ้าไม่คลายผ้าออกขนมจะขึ้นเป็นเหงื่อ ทำให้หน้าขนมหลุดไม่น่ากิน เมื่อทาครีมหรือแยมแล้วม้วนให้แน่นปล่อยไว้สักครู่จึงตัด ถ้าจะให้ตัดง่ายขึ้นให้แช่เย็นสักครู่ก่อน
ส่วนผสมของครีมโรลวานิลลา
แป้งสาลีเนกประสงค์ร่อน 1 ครั้ง 1 / ถ้วย
ผงฟู 1/2 ช้อนชา
เกลือ 1/2 ช้อนชา
ไข่ 5 ฟอง
น้ำตาลทราย 1 ถ้วย
เนยละลาย 3 ช้อนโต๊ะ
นมข้นจืด 1/4 ถ้วย
วานิลลา 2 ช้อนชา
ส่วนผสมของครีม
เนย ¼ ถ้วย
น้ำตาลไอซิ่งร่อน 1 ครั้ง 1 ถ้วย
น้ำมะนาว 2 ช้อนชา
นม 1 ช้อนโต๊ะ
วานิลลา 1 ช้อนชา
วิธีทำครีมโรลวานิลลา
1.ร่อนแป้ง ผงฟู เกลือ เข้าด้วยกัน 3 ครั้ง
2. ต่อยไข่ใส่อ่างผสม ใส่น้ำตาล ตีให้ขึ้นฟูจะใช้เวลาประมาณ 10 นาที
3. ผสมนมและวานิลลาเข้าด้วยกัน ใส่แป้งทีละน้อยสลับกับนมลงในอ่างไข่ที่ตี คนเบา โดยพลิกแป้งจากข้าง
ล่างมาข้างบนพอแป้งเข้ากับส่วนผสมจึงใส่นม คนให้นมเข้ากับแป้ง สลับกันเช่นนี้จนหมด ใส่เนยละลาย คนพอเข้ากัน
4. ปูกระดาษไขลงในถาด 11x15 นิ้ว ลึก 1 ซม. ให้กระดาษเกินขอบถาด 1 นิ้ว โดยรอบ เทขนมลงในถาด
อบไฟ 400 องศาฟาเรนไฮต์ ประมาณ 20 นาที หรือจนขนมสุกเหลืองจึงเอาออกจากเตา คว่ำถาดขนมลงบนผ้าขาวบางที่ปูบนตะแกรงดึงกระดาษไขออก ตัดขอบเเข็งออกม้วนขนมตามยาวให้แน่นแด่ม้วนเบามือ คลายผ้าที่ม้วนออกหลวม ๆคลุมขนมไว้ ปล่อยให้ขนมเย็นจึงคลี่ออกทาครีมหรือแยมแล้วจึงม้วนตามเดิม ถ้าใช้แยมใช้ 1/4 ถ้วยผสมกับน้ำอุ่น 1 ช้อนโต๊ะ ทาบาง ๆให้ทั่ว ตัดขนมเป็นชิ้นขนาด ½ - 3/4 นิ้วจะได้ประมาณ 18 อัน